HoonSmart.com>>บล.เกียรตินาคิน ภัทร ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่าผู้ถือหุ้น”ทรู คอร์ปอเรชั่น” ควรอนุมัติการควบกับ “โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น” เพราะเกิดประโยชน์ ส่วนอัตราการแลกหุ้นกับบริษัทใหม่ก็มีความเหมาะสม โดยแนะนำในการประชุม 4 เม.ย. นี้ ก่อนจะโหวตต้องคิดให้ดี ยอมรับค่าใช้จ่ายดำเนินการ และสัดส่วนการถือหุ้นเดิมจะลดลง
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน ภัทร ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระพิจารณาเหตุผลของการควบบริษัท ระหว่างบริษัท TRUE และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) และความเหมาะสมของอัตราการจัดสรรหุ้น มีความเห็นว่าผู้ถือหุ้นควรอนุมัติการควบบริษัทในครั้งนี้แต่การตัดสินใจขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ ทั้งนี้จะมีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 ในวันที่ 4 เม.ย.2565 เวลา 14.00 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM)
การควบบริษัทครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์และจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของ TRUE และผู้มีส่วนได้เสียในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม การควบยังมีข้อด้อยที่ผู้ถือหุ้นควรพิจารณาด้วย ได้แก่ ค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในกระบวนการควบบริษัทและภายหลังการควบบริษัท รวมถึงสัดส่วนผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทจะต่ำลง และมีความเสี่ยง เช่น การรับรู้ประโยชน์ของการควบบริษัทได้ต่ำหรือล่าช้ากว่าคาดการณ์
สำหรับการแลกหุ้น สัดส่วน 1 หุ้น TRUE ต่อ 060018 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิม DTAC ต่อ 6.13444 หุ้นในบริษัทใหม่ ที่มีทุนชำระแล้วจำนวน 138,208 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นจำนวน 34,552 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 4 บาท มีความเหมาะสมตามวิธีมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดหรือ DCF
ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับ บริษัทใหม่จะเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมชั้นนำในประเทศไทย ซึ่งมีขีดความสามารถในการขับเคลื่อน การพัฒนาด้านเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทย ทั้งด้านโครงข่าย นวัตกรรม ศักยภาพในการลงทุน และภาพลักษณ์องค์กรของบริษัทใหม่
ด้านข้อมูลทางการเงินเสมือนที่สำคัญ ในปี 2564 มีรายได้รวม 224,091 ล้านบาท กำไรขั้นต้น 64,016 ล้านบาท EBIT 30,056 ล้านบาท EBITDA 95,431 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,986 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหม่ 7,080 ล้านบาท และกำไรต่อหุ้น 0.20 บาท โดยมีสินทรัพย์รวม 809,207 ล้านบาท หนี้สินรวม 690,454 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 118,753 ล้านบาท ด้านการเงินมีอัตรากำไรขั้นต้น 28.57% อัตรากำไรสุทธิ 3.12% อัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สิน (ROA) ประมาณ 0.86% อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) 5.98% อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน 2.7 เท่า
หากไม่รวมกับ DTAC คาดรายได้ของ TRUE เช่น รายได้จากธุรกิจกาiให้บริการบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในปี 2565-2567 จะเติบโต8.9%ต่อปี แต่ภายหลังจากปี 2567 จะปรับตัวลดลง 1.0% ต่อปี และจะมีอัตราการเติบโต 2.9% ในปี 2573 ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาวที่ประมาณ 3.0% จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ซึ่งจะทำให้มีกำไรสุทธิ 300 ล้านบาทในปี 2565 และเพิ่มเป็น 3,900 ล้านบาทในปี 2566 ส่วน DTAC จะมีกำไรสุทธิ 5,300 ล้านบาทในปี 2565 และเพิ่มเป็น 6,600 ล้านบาทในปี 2566