TOP-SPRC ขึ้นนำกลุ่มโรงกลั่น ขานรับค่าการกลั่นพุ่งแรง

HoonSmart.com>>หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นขยับขึ้นยกแผง นำโดย TOP-SPRC ขานรับค่าการกลั่นล่าสุดพุ่งกว่า 16 เหรียญ/บาร์เรล แนวโน้มผลิตภัณฑ์จากการกลั่นน้ำมันจะเกิดการขาดแคลนหลังรัสเซียประสบปัญหาการส่งออก-โรงกลั่นในยุโรปขาดแคลนน้ำมันดิบ ทำให้ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นลดลง-มีข่าวทางการจีนจะสั่งให้โรงกลั่น ระงับการส่งออกน้ำมันเบนซิน (Gasoline) และน้ำมันดีเซล ด้าวยสถานการณ์นี้จะเป็นปัจจัยบวกกับค่าการกลั่น (GRM)

เมื่อเวลา 10.41 น. หุ้นในกลุ่มโรงกลั่นขยับขึ้นยกแผง นำโดยหุ้น TOP บวก 4.48% มาอยู่ที่ 52.50 บาบาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 866.23 ล้านบาท
หุ้น SPRC บวก 4.12% มาอยู่ที่ 8.85 บาท เพิ่มขึ้น 035 บาท มูลค่าซื้อขาย 142.73 ล้านบาท
หุ้น ESSO บวก 4.64% มาอยู่ที่ 7.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท มูลค่าซื้อขาย 142.01 ล้านบาท
หุ้น IRPC บวก 2.25% มาอยู่ที่ 3.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท มูลค่าซื้อขาย 134.69 ล้านบาท

ล่าสุด (9 มี.ค.) ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดที่ 16.79 เหรียญฯ/บาร์เรล

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองกลุ่มโรงกลั่นยังเด่นในบรรดาหุ้นพลังงาน มีแนวโน้มที่ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นน้ำมัน (refinery product) จะเกิดการขาดแคลน เนื่องจากรัสเซียประสบปัญหาในการส่งออก และโรงกลั่นในยุโรปขาดแคลนน้ำมันดิบ ทำให้ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นลดลง รวมถึงการเร่งสต็อกผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น

นอกจากนี้ สื่อเริ่มรายงานมีความเป็นไปได้ที่ทางการจีน จะสั่งให้โรงกลั่น ระงับการส่งออกน้ำมันเบนซิน (Gasoline) และน้ำมันดีเซล ซึ่งสถานการณ์ข้างต้น จะเป็นปัจจัยบวกกับค่าการกลั่น (GRM) และด้วยค่าการกลั่นเฉลี่ยปีนี้ที่ระดับ 6-7 เหรียญ/บาร์เรล เทียบปีก่อนที่ 2 เหรียญ/บาร์เรล อีกทั้งกำไรจากสต็อกช่วงไตรมาส 1/65 ในระดับ 30 เหรียญฯ จึงคาดกลุ่มโรงกลั่นอาจเคลื่อนไหวได้เมื่อเที่ยบกับหุ้นพลังงานและปิโตรเคมีโดยรวม โดยมีหุ้นเด่นคือ TOP

บล.กสิกรไทย ระบุว่า ทางการจีนเรียกร้องให้โรงกลั่นของรัฐระงับการส่งออกน้ำมันดีเซล/เบนซินเดือนหน้า เนื่องจากความกังวลต่ออุปทานน้ำมันในประเทศหลังวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน สิ่งนี้จะทำให้อุปทานส่วนเกินในปีนี้กลายเป็นสมดุล และทำให้ GRM สูงขึ้น ถึงแม้ราคาน้ำมันจะสูงขึ้นก็ตาม ด้าน GRM ของสิงคโปร์แตะระดับ 11 ดอลล่าร์ฯ/บาร์เรล จึงคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มโรงกลั่น จาก GRM ที่ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า หุ้นเด่นยังคงเป็น TOP และ BCP