HoonSmart.com>> ดัชนีหุ้นร่วงแรง ปิดภาคเช้าที่ 1,669.44 จุด ลดลง 27.01 จุด หรือ -1.59% ตามตลาดต่างประเทศที่ร่วง 1-3% ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วง 800 จุดหรือ 3% หลังข่าวรัสเซียเปิดฉากโจมตียูเครนตะวันออก ส่งราคาน้ำมันฟิวเจอร์สพุ่งแรง 5% ขายสินทรัพย์เสี่ยงโยกหาสินทรัพย์ปลอดภัย-หุ้นที่ได้ประโยชน์ ทั้งผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศเร่งขึ้นกดดันตลาด แนวโน้มภาคบ่ายมีโอกาสปรับลงต่อ โดยให้แนวรับ 1,667-1,660 แนวต้าน 1,675-1,683 จุด
ตลาดหุ้นวันที่ 24 ก.พ.2565 ดัชนีปิดภาคเช้าที่ระดับ 1,669.44 จุด ลดลง 27.01 จุด หรือ -1.59% มูลค่าการซื้อขาย 74,874.86 ล้านบาท โดยดัชนีขึ้นไปแตะ 1,690.50 จุด และต่ำสุด 1,667.31 จุด
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างร่วงกันราว 1-3% จากตลาดในแถบเอเชียเหนือร่วงเฉลี่ย 2.5% ขณะที่ตลาดอาเซียนร่วง 1-3% ตามดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ร่วงแรงถึง 800 จุดหรือ 3% ในระหว่างเทรดเช้านี้ หลังจากที่มีข่าวออกมาว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย “วลาดิมีร์ ปูติน” เปิดฉากปฏิบัติการทหารในยูเครนตะวันออก ทำให้ราคาน้ำมันฟิวเจอร์สพุ่ง 5% โดยราคาน้ำมัน Brent ทะลุ 100 เหรียญฯ/บาร์เรล
ทั้งนี้นักลงทุนได้ขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาแล้วโยกไปลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัย รวมถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์อย่างหุ้นในกลุ่มพลังงาน, โรงกลั่น และโรงพยาบาล ขณะที่ปัจจัยในประเทศก็เผชิญแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่พุ่งสูงขึ้นทำนิวไฮ หากรวมตรวจ ATK ก็เข้าไป 4 หมื่นคนต่อวันแล้ว ตอนนี้ก็รอดูว่าภาครัฐฯจะออกมาตรการอะไรเพิ่มหรือไม่ เพราะถ้าไม่ป้องกันการแพร่ระบาดมีโอกาสที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดจะวิ่งไปเป็นหลักแสนคนต่อวัน เหมือนอย่างเกาหลี และญี่ปุ่น
สำหรับแนวโน้มภาคบ่าย ตลาดยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงได้ต่ออีก หากไม่มีการเจรจาและสถานการณ์ลุกลามขึ้นไปอีก ดังนั้นจะต้องติดตามสถานการณ์ยูเครนอย่างใกล้ชิด พร้อมให้แนวรับ 1,667-1,660 จุด ส่วนแนวต้าน 1,675-1,683 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
KBANK ปิดที่ 163.50 บาท ลดลง 5.00 บาท หรือ -2.97% มูลค่าซื้อขาย 5,086.11 ล้านบาท
BDMS ปิดที่ 23.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ +1.29% มูลค่าซื้อขาย 2,255.22 ล้านบาท
BBL ปิดที่ 140.50 บาท ลดลง 2.50 บาท หรือ -1.75% มูลค่าซื้อขาย 2,255.15 ล้านบาท
CPALL ปิดที่ 66.50 บาท ลดลง 1.00 บาท หรือ -1.48% มูลค่าซื้อขาย 1,987.55 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 132.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท หรือ +3.12% มูลค่าซื้อขาย 1,927.19 ล้านบาท