HoonSmart.com>> “วี.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์” กางแผนธุรกิจปี 65 ลุยขยายให้บริการขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ โซนอินโดนีเซีย-มาเลเซียเพิ่ม รับความต้องการใช้น้ำมันปาล์มพุ่ง พร้อมอัดงบ 200 ล้านบาท สั่งเรือขนาด 10,000 เดตเวตตัน เข้ามากลางปีนี้ หนุนรายได้จากเรือลำใหม่เข้ามา 90 ล้านบาท และรับรู้เต็มตั้งแต่ปี 66 เฉลี่ย 180 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ารายได้รวมปี 65 โต 25% ด้านผลงานปี 64 มีรายได้ 670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% กำไรสุทธิ 23 ล้านบาท ปันผลเพิ่มอีก 0.015 บาท
นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ (VL) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมเรือขนส่งปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ในปี 2565 มีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากดีมานด์การใช้ปริมาณพลังงานเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นผลจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศกลับมาคึกคัก ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ VL ได้รับอานิสงส์ เชิงบวกตามการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมฯ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ VL วาง Business outlook สำหรับปี 2565 โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 25 % เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีรายได้รวม 670 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กรให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
สำหรับแผนกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นในปีนี้คือ การขยายการให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้นำการส่งออกรายใหญ่ของโลกขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯเร่งขยายแผนการให้บริการในต่างประเทศมากขึ้นเพื่อให้สอดรับกับความต้องการ เนื่องจากเส้นทางของประเทศดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักของการขนส่งของ VL ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯให้บริการขนส่งทางทะเลในต่างประเทศ อาทิ น้ำมันปาล์ม น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันปิโตรเลียม
“การขยายแผนขนส่งในกลุ่มประเทศดังกล่าว เพื่อรองรับความต้องการด้านการขนส่งน้ำมันปาล์ม เนื่องจากน้ำมันปาล์มมีความต้องการใช้สูงเพราะน้ำมันปาล์มนอกจากจะเป็นน้ำมันหล่อลื่นแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากกลาย อาทิ สี สิ่งทอ เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด ไม้ กระดาษ โลหะยาง พลาสติก เป็นต้น ส่งผลให้บริษัทฯเล็งเห็นโอกาสการการขยายการให้บริการดังกล่าว เนื่องจากเส้นทางของประเทศดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักของการขนส่งของบริษัทฯ”นางชุติภา กล่าว
นอกจากนี้ VL ยังมีแผนในการขยายกองเรือเพิ่ม จำนวน 1 ลำ น้ำหนักบรรทุกไม่ต่ำกว่า 10,000 เดตเวตตัน (DWT) ภายใต้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท โดยเรือดังกล่าวบริษัทฯ คาดว่าจะนำเข้ามา ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการ ซึ่งสอดรับกับนโยบายบริษัทฯในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้หากกองเรือดังกล่าวสามารถเข้ามาตามระยะเวลาที่กำหนดและดำเนินการให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ทันที ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการรับรู้รายได้จากการให้บริการเรือดังกล่าวโดยเฉลี่ยเข้ามาในปี2565 ประมาณ 90 ล้านบาท และจะรับรู้เข้ามาเต็มปีในปี 2566 เป็นต้นไป เฉลี่ยประมาณ 180 ล้านบาทต่อปี
ทั้งนี้ VLจะมีการปลดระวางเรือที่มีอายุมาก จำนวน 1 ลำ คือ V.L.10 น้ำหนักบรรทุก 3,091 DWT ดังนั้นหากบริษัทฯ นำเรือลำใหม่เข้ามา จะส่งผลให้บริษัทฯกองเรือทั้งหมด 12 ลำ ขนาดบรรทุกรวม 50,800 DWT เพื่อที่จะเป็นการสร้างตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ประเทศจีน และประเทศอินโดนีเซีย รวมไปถึงการขยายเส้นทางการให้บริการใหม่ๆ ที่มีความต้องการปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปี 2565 เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% จากปี 2564 ขณะที่ในประเทศจะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4% จากปี 2564
อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2564 VL มีรายได้รวม 670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.60% จากปีก่อน มีกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท ลดลง 72.6% จากปีก่อน เนื่องจากต้องยอมรับว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทฯอยู่ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดและการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ส่งผลให้ บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจากวิกฤตดังกล่าว แต่ด้วยบริษัทฯยังยึดหลักการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกลยุทธ์มุ่งเน้นกระจายความเสี่ยง โดยการปรับกลยุทธ์การให้บริการขนส่งทางเรือในต่างประเทศมากกว่าให้บริการขนส่งในประเทศ ซึ่งทำให้แสดงให้เห็นว่า VL สามารถปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในท่ามกลางวิกฤตโควิด-19
ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบจ่ายปันผลสำหรับปี 2564 ในอัตรา 0.015 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 14.5 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 10 มี.ค.2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 พ.ค.2565 ซึ่งเป็นการสะท้อนศักยภาพการเติบโต ท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19