HoonSmart.com>>”ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก”เทกออฟปี 65 ปัจจัยหลักหนุนเติบโต คาดสรุปร่วมทุน-ซื้อกิจการไม่น้อยกว่า 3-4 ดีล ใช้จุดแข็ง ขยายโอกาสธุรกิจระดับภูมิภาค มองไกลระดับโลก บอร์ดอนุมัติงบลงทุน 5 ปี มูลค่า 93,500 ล้านบาท เพิ่มมาร์จิ้น จากอิบิทดาธุรกิจนอนออยล์สัดส่วน 39% ขยายธุรกิจสุขภาพ ท่องเที่ยว ดิจิทัล ส่วนอิบิทดาธุรกิจต่างประเทศกระโดดเป็น 15% หาพันธมิตรร่วมทุน คืนทุนเร็ว รับศึกษาโทเคน กัญชา-กัญชง
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก ( OR) เปิดเผยว่า ในปี 2565 ผลการดำเนินงานจะมีการเติบโต และแนวโน้มจะขยายตัวอย่างมั่นคง นอกจากจะขยายธุรกิจระดับภูมิภาค จะไปไกลระดับโลกด้วย ภายใต้ 3 กลยุทธ์ คือ1.การขยายสินค้าเดิมในพื้นที่เดิม 2.การหาโอกาสในพื้นที่ใหม่ และ3.การแสวงหาพันธมิตร เพิ่มธุรกิจใหม่ โดยมุ่งรักษาสถานะความเป็นผู้นำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมัน และร้านกาแฟในประเทศไทย
การลงทุนในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน (Mobility) บริษัทมีการขยายสถานีบริการ เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ และจะขยายขอบเขตไปเป็นธุรกิจพลังงานแบบผสมผสาน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด ส่วนกลุ่มธุรกิจนอนออยล์ ( Lifestyle) ที่สร้างอัตรากำไรสุทธิสูงกว่าน้ำมัน ไม่อยู่เพียงธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเท่านั้น จะแสวงหาพันธมิตรธุรกิจใหม่ ๆ เกี่ยวกับสุขภาพ ท่องเที่ยวและดิจิทัล รวมถึงสตาร์ทอัพ ที่มีศักยภาพในการเติบโตและสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัท สร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
ส่วนกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ (Global) มุ่งขยายฐานการดำเนินธุรกิจระดับภูมิภาคสู่ตลาดโลก โดยใช้ประโยชน์จากแบรนด์ของ OR ที่อยู่มานานและเป็นที่ยอมรับ ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ ผสมผสานและปรับผลิตภัณฑ์ของ OR ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแต่ละประเทศ
” เราจะใช้หลักเข้าไปลงทุนแบบเบาๆ จัดตั้งบริษัทใหม่ โดยการหาพันธมิตรในประเทศนั้น เชื่อว่าบริษัทสามารถประหยัดในเรื่องเวลาคืนทุน การขอใบอนุญาต การเรียนรู้เทียบกับการไปเอง เราไม่ต้องลงทุนทั้ง 100% การร่วมทุนจะเติบโตไปด้วยกัน ทำให้มีโอกาสสูง ส่วนโอกาสทางธุรกิจจะมองแต่ละประเทศ เช่น กัมพูชา เศรษฐกิจขยายตัวรวดเร็ว การเมืองมั่นคง บริษัทมีต้วตนในประเทศนี้แล้ว 26-27 ปี จะหาพันธมิตรได้รวดเร็ว บริษัทถนัดธุรกิจ LPG จะไปต่อยอดในกัมพูชา ลาว ธุรกิจเมล็ดกาแฟ โรงคั่วเฟสใหม่ที่วังน้อย ได้ BOI ประหยัดภาษี ขายในประเทศ และส่งออก “นางสาวจิราพรกล่าว
กลุ่มธุรกิจนวัตกรรมในแบบฉบับ OR ( Innovation OR ) มุ่งเน้นการสร้างธุรกิจที่แก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยใช้ศักยภาพที่มีอยู่ร่วมกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ ในการร่วมกันแก้ปัญหาเพื่อสร้างตลาดใหม่และธุรกิจใหม่ เพื่อยกระดับสู่นวัตกรรมในแบบฉบับ OR ทำให้ OR เติบโตไปพร้อมกับพันธมิตร ผู้คนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติงบลงทุน 5 ปี (2565-2569) มูลค่า 9.3 หมื่นล้านบาท แบ่งลงทุนในกลุ่มธุรกิจ Mobility สัดส่วน 36.3% คาดหวังกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สัดส่วน 45% ลดลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 76% เนื่องด้วย OR ต้องการไปขยายในส่วนของ Lifestyle และ Innovation ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มอัตรากำไรสุทธิ ธุรกิจ Lifestyle จะมี EBITDA สัดส่วน 39% จากปัจจุบันอยู่ที่ 21% ส่วน Global จะเพิ่มจาก 3% เป็น 15%
ส่วนแผนงานในปี 2565 คาดว่าจะมีดีลซื้อกิจการ (M&A) และร่วมลงทุนกับพันธมิตร (JV) อีกไม่น้อยกว่า 3-4 ดีล ส่วนผลประกอบการคาดว่าจะเติบโต หลังจากผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 3/2564 มาแล้ว ไตรมาส 4 ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด มีแรงส่งต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปีนี้ นอกจากนี้ 3 ปัจจัยหลัก ยังเกื้อหนุนธุรกิจของ OR คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สูงกว่าราคาเฉลี่ยปี 2564 ที่ 69 เหรียญสหรัฐ และ ปี 2563 เฉลี่ย 43 เหรียญ ยอดขายน้ำมันโตต่อเนื่องตาม GDP มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อหนุน การจัดการสถานการณ์โควิด หากดีขึ้น จะส่งผลบวกต่อ OR ส่วนความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทไม่มีเงินกู้เป็นดอลลาร์ การขายในรูปดอลลาร์ ก็มีน้อย บริษัทบริหารความเสี่ยง มีการใช้เครื่องมือในการบริหารจัดการ
นอกจากนี้บริษัทยังพร้อมที่จะเปิดรับโทเคนดิจิทัลเข้ามาสู่ผลิตภัณฑ์ของ OR หากมีกฎหมายรองรับ ทุกวันนี้ได้ศึกษาและเตรียมความพร้อมไว้แล้ว ทั้งโทเคน และกัญชง-กัญชา