MFC : U.S. Stocks Rise After Apple Earnings Beat

Highlighted Funds

MGF : เรามองว่าหุ้นเติบโตคุณภาพดี (Quality Growth Stock) จะให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงกลางวัฏจักร (Mid-Cycle) และสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าตลาด เนื่องจากหุ้นประเภทนี้มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูง มีกำไรและรายได้เติบโตสม่ำเสมอ อีกทั้งยังทนกับภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่เงินเฟ้อและดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นได้ดี

M-EDGE : โอกาสลงทุนในหุ้นที่มีความได้เปรียบในการแข่งขัน และเติบโตอย่างยั่งยืน คัดเลือกลงทุนหุ้นคุณภาพดี สามารถสร้างมูลค่าได้เหนือกว่าดัชนีหุ้นโลก อีกทั้ง กองทุนกระจายการลงทุนไปในธุรกิจที่มี business cycle ต่างกัน และหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เหมาะสมกับภาวะตลาดในปัจจุบันที่มีความผันผวนสูง

MRENEW : ลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับพลังงานยั่งยืนและพลังงานทดแทนทั่วโลก (Renewable Energy) ซึ่งเป็นธุรกิจที่ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนเม็ดเงินของรัฐบาลต่างๆทั่วโลก เราคาดว่าธีมพลังงานสะอาดจะเป็น Mega Trend ที่เติบโตต่อไปอีกในทศวรรษหน้า

MEURO : ตลาดหุ้นยุโรปดัชนี STOXX600 ถูกปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯดัชนี S&P500 นอกจากนี้ Valuation ของตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดย Relative Forward P/E ของดัชนี STOXX600 และดัชนี S&P500 อยู่ที่ -2S.D.

Investment Strategy

ผลการประชุม FOMC เมื่อวันที่ 26 ม.ค. เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม 0-0.25% และยัง คงปรับลดวงเงิน QE จำนวน 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. ส่งผลให้ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันทีในเดือน มี.ค. หลังจาก สิ้นสุดกระบวนการทำ QE Tapering ขณะที่ประเด็น การปรับลดงบดุล ของเฟดยังไม่ได้มีการระบุช่วง เวลา ขนาด และความเร็วของการลดงบดุลลงที่ชัดเจน แต่จะพิจารณาในการประชุมรอบเดือน มี.ค.

นอกจากนี้เฟดยังกล่าวอีกว่าเศรษฐกิจในตอนนี้มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะตลาดแรงงานที่อัตราค่าจ้างปรับตัวเพิ่มขึ้นในรอบหลายปี ซึ่งเมื่อพิจารณา กับอัตราเงินเฟ้อและขนาดงบดุลที่สูงกว่าครั้งที่แล้ว ทำให้ปัจจุบันตลาดคาดว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 5 ครั้งในปีนี้ และทำให้โอกาสใน การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือนมี.ค. ที่ระดับ 0.50% นั้นมีมากขึ้น

อย่างไรก็ตามในช่วงปลายสัปดาห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯได้แรงหนุนจากผลประกอบการของหุ้นกลุ่ม Big Tech อย่าง Microsoft ที่ประกาศกำไรโต 21% YoY มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดราว 7% และ Apple ที่ประกาศกำไรโต 20%YoY โดยมีกำไร 34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดราว 10% ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีฟื้นตัวจากแรงกดดันของผลการประชุม FOMC

โดยปัจจุบันมีบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 รายงานงบการเงินออกมาแล้ว 168 บริษัท และกว่า 77.4% ของบริษัทที่รายงานงบออกมามีกำไรมากกว่าคาด โดยทั้ง 168 บริษัท มี Earnings Surprise รวมมากกว่าคาดที่ 4% สหรัฐฯ รายงาน GDP ไตรมาส 4 ปี 2564 ขยายตัว 6.9%QoQ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 5.5% QoQ โดย GDP ที่มากกว่าคาดได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศ บวกกับการใช้จ่ายของภาคธุรกิจที่หันมาเพิ่มสินค้าคงคลังในสต๊อกมากขึ้น ทำให้ตลอดทั้งปี 2564 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัวสูงถึง 5.7%