HoonSmart.com>>“นิปปอน สตีล” เหล็กเบอร์ 1 ของญี่ปุ่น อันดับ 5ของโลกเตรียมผงาดถือหุ้นใหญ่ กลุ่มจีสตีล “ GSTEEL-GJS “ สัดส่วน 49.99% และ 40.45% ตามลำดับ หลังซื้อหุ้น Asia Credit Opportunities I (ACO I) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มจีสตีล จับตากลุ่มจีสตีล กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
บริษัทนิปปอน สตีล (NIPPON STEEL Corpotation) บริษัทจดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตเหล็กทุกประเภท และแปรรูปเหล็กรายใหญ่เบอร์ 1 ของประเทศญี่ปุ่น ประกาศเข้าซื้อหุ้น 100% ของบริษัท Asia Crredit Opportunities I (Mauritius) Limited (ACO I) จำนวน 19.88 ล้านหุ้นเศษ หรือ 100% จากบริษัท Kendrick Global Limited (ผู้ขาย ) เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้นิปปอน สตีล เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดของ ACOI สัดส่วน 100%
ทั้งนี้ ACOI เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บริษัท จีสตีล (GSTEEL) จำนวน 14,461.48 ล้านหุ้น คิดเป็น 49.99% ของทุนชำระแล้ว และบริษัท จีเจสตีล (GJS) จำนวน 10,310.35 ล้านหุ้น หรือ 40.45% ผลของการซื้อขายหุ้น ACO I ครั้งนี้ ส่งผลให้ NIPPON STEEL เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ GSTEEL-GJS ทางอ้อม
การซื้อขายหุ้นใน ACO I ดังกล่าว ไม่ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่ ACO I ถือใน GSTEEL และ GJS มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด แต่เป็นกรณีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทางอ้อมของกลุ่มจีสตีล และ NIPPON STEEL จะมีอำนาจควบคุมอย่างมีนัยสำคัญในนิติบุคคลที่เป็นผู้ถือหุ้นของกิจการอยู่ก่อนแล้วตามหลัก chain principle ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ดังนั้น นิปปอน สตีล (ผู้ซื้อหุ้น) จะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ GSTEEL- GJS
(Mandatory Tender Offer) จากผู้ถือหุ้นที่มีอยู่ทุกรายต่อไป
บริษัท นิปปอนสตีล ระบุราคาเสนอซื้อ GJS คาดหมายจะอยู่ที่ 0.0178 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น หรือเทียบเท่ากับ 0.59 บาทต่อหุ้น (อ้างอิงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33.014 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
ราคาเสนอซื้อ GSTEEL คาดหมายอยู่ที่ 0.0081 เหรียญสหรัฐ/หุ้น หรือเท่ากับ 0.27 บาท โดยนิปปอนสตีล เตรียมเงินในครั้งนี้ พร้อมคืนเงินกู้รวมประมาณ 763 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 25,186 ล้านบาท อัตราแลกเปลี่ยนที่ 33.014 บาท
อย่างไรก็ตาม การเสร็จสิ้นธุรกรรมซื้อขายหุ้น ACO I และการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ GSTEEL-GJS ยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าเงื่อนไขบังคับก่อนที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น รวมถึงจีสตีล และ จีเจ สตีล ได้รับการอนุญาตต่าง ๆ ที่ระบุไว้จากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องของไทย) จะเสร็จสมบูรณ์ หรือได้รับการยกเว้นตามที่ระบุในสัญญาซื้อขายหุ้น ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565
สำหรับนิปปอน สตีล เป็นผู้ผลิตเหล็กทุกประเภทรายใหญ่เบอร์ 1 ของญี่ปุ่นเบอร์ 5 ของโลก แต่ถ้ารวมกำลังผลิตของGsteel และ GJS แล้ว จะขึ้นเป็นอันดับ 3 ของโลก (ถ้าผลิตเต็มกำลังผลิต ข้อมูลจากสถาบันเหล็ก) นิปปอน สตีล เป็นบริษัท ที่มีลงทุนเหล็กกลางน้ำ-ปลายน้ำมากที่สุด ในประเทศไทย แผนการเข้าถือหุ้นกลุ่มนิปปอน สตีลครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่ม นิปปอนสตีล เหล็กเบอร์ 1 ของญี่ปุ่น เบอร์ 5 ของโลก ขยับขึ้นเป็นท็อป 3 ของโลก
การเข้ามาถือหุ้นของนิปปอน สตีล ครั้งนี้ ส่งผลดีต่อกลุ่มจีสตีล ลดการนำเข้าเหล็กของกลุ่มนิปปอน สตีล เข้าเมืองไทย ซึ่งกลุ่มนิปปอน สตีล เป็นผู้ใช้เหล็กรีดร้อนรายใหญ่สุดของไทย , กลุ่มจีสตีล จะมีเทคโนโลยีใหม่ จากหุ้นส่วนใหญ่ ผู้นำเหล็กคุณภาพของโลก สามารถผลิตเหล็กคุณภาพดี มีราคาสูงขึ้น สำหรับใช้ในรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเหล็กคุณภาพต่างๆ
“วงการเหล็กเชื่อว่า จะส่งผลดีต่อกลุ่มจีสตีล-จีเจสตีล หลังจากประสบวิกฤตมาต่อเนื่อง จากเหล็กคุณภาพต่ำ ถูกทุ่มราคาเข้าสู่ตลาดไทย หลังจากนี้ กลุ่มจีสตีล จะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น ได้เทคโนโลยีจากกลุ่มนิปปอน ฯ มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง , ขายเหล็กคุณภาพสูงและได้ราคาดีขึ้น โรงงานต้นน้ำ 2 โรงของกลุ่มจีสตีล มีมูลค่า 40,000-50,000 ล้านบาท เป็นโรงงานทันสมัย จากญี่ปุ่นและเยอรมัน ทำให้ต่างชาติสนใจเข้ามาร่วมทุน โดยเฉพาะกลุ่มนิปปอน สตีล เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก ประกอบกับกองทุน ซึ่งไม่ใช่ ผู้ผลิตเหล็ก ต้องการขายหุ้นออก การลงทุนครั้งนี้ส่งผลดีทั้งกลุ่มนิปปอน ฯ และกลุ่มจีสตีล ” นักวิเคราะห์กล่าว
ทั้งนี้ดร.สมศักดิ์ ลีสวัสดิ์ตระกูล ผู้ก่อตั้ง ประธานกิตติมศักดิ์ ของจีสตีล -จีเจสตีล ได้มีการลงทุนอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ 2 โรงงานนี้ มูลค่า 4-5 หมื่นล้านบาท แต่ช่วงหลังเจอวิกฤตเศรษฐกิจบ่อย จึงเปิดทางให้กองทุนเข้ามาถือหุ้นดังกล่าวและขายออกให้นิปปอน สตีลผู้ผลิตระดับโลก ในที่สุด