ดาวโจนส์ปิดบวก 38 จุด ขานรับเงินเฟ้อเป็นไปตามคาด

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 38 จุด หลังเงินเฟ้อเดือนธ.ค.ออกมาตามคาดการณ์ เพิ่มขึ้น 7% จากงวดปีก่อน สะท้อนเฟดอาจไม่เร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าเดิม ด้านราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น สต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาด ตลาดหุ้นยุโรปบวก

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 12 มกราคม 2565 ปิดที่ 36,290.32 จุด เพิ่มขึ้น 38.30 จุด หรือ 0.11%

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,726.35 จุด เพิ่มขึ้น 13.28 จุด, +0.28%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,188.39 จุด เพิ่มขึ้น 34.94 จุด, +0.23%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้แรงหนุน หลังรายงานดัชนี CPI ธ.ค.+7.0% YoY แม้ว่าขยายตัวสูงสุดในรอบ 40 ปี แต่เป็นไปตามคาดการณ์ ซึ่งยังไม่ส่งผลให้เฟดต้องเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยเจอโรม พาวเวล ให้ความเห็นต่อภาวะห่วงโซ่อุปทานปรับดีขึ้น และเงินเฟ้อคาดชะลอตัวลง โดยการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐ

ขณะที่ CME Fed Watch ชี้โอกาส 74.4% เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุม มี.ค. นี้ แต่การปรับลดขนาดสินทรัพย์ 9 ลล.ดอลลาร์นั้น คาดเฟดยังต้องใช้เวลาพิจารณา วันศุกร์นี้เริ่มรายงานกำไร Q4/64 กลุ่มธนาคารสหรัฐ เช่น JP. Morgan, Wells Fargo, Citi Group

ตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี Stoxx600 ได้ปัจจัยหนุนจาก ECB ยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยและแนวโน้มกำไร บจ. Q4/64 คาด +49% YoY ได้แรงหนุนจากกลุ่มทรัพยากร +3.2%, พลังงาน +2.3% คาดจีนอาจออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังดัชนีเงินเฟ้อชะลอตัว

ดัชนี Stoxx600 ปิดที่ 486.20 จุด เพิ่มขึ้น 3.12 จุด, +0.65%%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,551.72 จุด เพิ่มขึ้น 60.35 จุด, 0.81%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,237.19 จุด เพิ่มขึ้น 53.81 จุด, 0.75%,

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,010.32 จุด เพิ่มขึ้น 68.51 จุด, 0.43%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดที่ 82.64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 0.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ปิดที่ 84.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดลง 4.6 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าคาดที่ 1.6 ล้านบาร์เรล ขณะที่อุปสงค์น้ำมันไม่ได้รับผลกระทบจาก Omicron เนื่องจากประเทศต่าง ๆ ไม่ใช้มาตรการล็อกดาวน์ ส่วนกำลังการผลิตของโอเปกต่ำกว่าคาด เนื่องจากปัญหาการผลิตในไนจีเรีย, ลิเบีย