HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดลบ 29.79 จุด หลังเฟดส่งสัญญาณจะลดวงเงิน QE ในอัตราที่เร่งขึ้นจะส่งผลให้วงเงิน QE ทั้งหมดจะสิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2565 พร้อมทั้งส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้ง ส่วนตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบ เพิ่มขึ้น 2.1%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 16 ธันวาคม 2564 ปิดที่ 35,897.64 จุด ลดลง 29.79 จุด หรือ 0.08% จากการร่วงลงของหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลังจากธนาคารกลาง(เฟด)ส่งสัญญานขึ้นดอกเบี้ยในปี 2022
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,668.67 จุด ลดลง 41.18 จุด, -0.87%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,180.43 จุด ลดลง 385.15 จุด, -2.47%
หุ้น Nvidia ลดลง 6.8% หุ้นเทสลา ลดลง 5.03% หุ้นแอปเปิล ลดลง 3.93% หุ้นแอมะซอน ลดลง 2.56% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 2.91% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 2.31% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 1.36%
แฟรงค์ เกรนซ์ นักวิเคราะห์จาก Wellington Shields กล่าวว่า ตลาดมีการซื้อขายแบบสลับกลุ่มลงทุนนักลงทุนขายหุ้นเทคโนโลยีที่จัดว่าเป็น Growth Stocks แต่อ่อนไหวกับอัตราดอกเบี้ยและหันไปซื้อกลุ่มอื่น เช่น หุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภค แต่ก็แนะนะนักลงทุนไม่ให้เทขายหุ้นเทคโนโลยีใหญ่ที่มีผลการดำเนินงานที่ดี
เฟดประกาศยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนมีนาคมปี 2022 และส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า โดยจะเริ่มลดการซื้อพันธบัตรในเดือนมกราคมและจะซื้อเพียงเดือนละ 60 พันล้านดอลลาร์จาก 90 พันล้านดอลลาร์ในเดือนธันวาคม
ในแถลงการณ์เฟดระบุว่า อุปทานและอุปสงค์ที่ไม่สมดุลอันเนื่องจากการรระบาดใหญ่และการเปิดเศรษฐกิจมีผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้น และคณะกรรมการยังเห็นว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอนยังเป็นความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ
ประมาณการการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟด หรือ “dot plot” แสดงให้เห็นว่ากรรมการ FOMC คาดว่าจะปรับดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2022 และเพิ่มเป็น 4 ครั้งในปี 2023 และ 2 ครั้งในปี 2024 ซึ่งสะท้อนการปรับดอกเบี้ยที่เร็วกว่าคาดไว้ในเดือนกันยายน
กลุ่มธนาคารได้รับแรงหนุนจากการส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยของเฟด โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 2.41% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 1.91% หุ้นมอร์แกน สแตนเลย์ เพิ่มขึ้น 0.87% หุ้นเจพีมอร์แกน เพิ่มขึ้น 1.56%
กระทรวงแรงงานรายงานการยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งในสัปดาห์ที่แล้ว แรกเพิ่มขึ้น 18,000 ราย มาที่ระดับ 206,000 ราย สูงกว่า 195,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่กระทรวงพาณิชย์รายงาน การเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 11.8% มาที่ระดับ 1.679 ล้านยูนิต สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม และสูงกว่า1.568 ล้านยูนิต ที่นักวิเคราะห์คาด
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามในร่างกฎหมายขยายเพดานหนี้เป็น 31.4 ล้านล้านดอลลาร์จาก 2.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มน้ำมันและก๊าซที่เพิ่มขึ้น 2.8% นักลงทุนรับข่าว ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายประเทศ
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับดอกเบี้ยขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการระบาดของไวรัสโควิด แม้ยังกังวลเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน และมีแรงกดดันเงินเฟ้อ โดยปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 15 จุด มาที่ระดับ 0.25% จากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ 0.1% โดยระบุว่าข้อมูลเศรษฐกิจโดยรวมอยู้ในระดับที่น่าพอใจ
ด้านธนาคารกลางสหภาพยุโรป(ECB) คงอัตราดอกเบี้ย ข้ามคืนที่ให้สถาบันการเงินกู้ยืม (Marginal lending facility rate) ไว้ที่ 0.25% และคงอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB (deposit facility) ไว้ที่ -0.5% พร้อม ส่งสัญญาน คาดว่าจะไม่ปรับดอกเบี้ยขึ้นในปีหน้า และยังดำเนินนโยบายการเงินเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจยูโรโซนในปี 2022
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 476.56 จุด เพิ่มขึ้น 5.80 จุด, +1.23%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,260.61 จุด เพิ่มขึ้น 89.86 จุด, +1.25%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,005.07 จุด เพิ่มขึ้น 77.44 จุด, +1.12%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,636.40 จุด เพิ่มขึ้น 160.05 จุด, +1.03%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 1.51 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 72.38 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.14 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 75.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล