TKC จ่อขาย IPO 78 ล้านหุ้น เข้าเทรด SET ต้นปี 65

HoonSmart.com>> “เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส” ผู้ให้บริการงานวิศวกรรมระบบโทรคมนาคม-ระบบสื่อสารข้อมูล-ระบบความปลอดภัยสาธารณะ อย่างครบวงจร เตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอ จำนวน 78 ล้านหุ้น  คาดเปิดจองซื้อหุ้นเร็วๆนี้ จ่อจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต้นปี 65  ระดมทุนขยายธุรกิจ โชว์ Backlog ในมือกว่า 2.5 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ปี 65-67

นายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) เปิดเผยว่า TKC มีแผนจะเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 78 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในช่วงต้นปี 2565

“ผลการนำเสนอข้อมูลบริษัท (โรดโชว์) แก่นักลงทุนรายย่อย ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี คาดกำหนดวันเปิดจองซื้อหุ้นในอนาคตอันใกล้นี้ รวมถึงเปิดเผยถึงวันที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ด้วย โดยเราคาดว่าหุ้น TKC จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่กำลังเปลี่ยนถ่ายสู่ยุคดิจิทัล และแผนการใช้เงินที่นำมาขยายธุรกิจเพื่อสร้างการเติบโตในระยะยาว” นายวรนันท์ กล่าว

ด้านนายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์การใช้เงินระดมทุนในครั้งนี้ว่า บริษัทจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ  เช่น โครงการเกี่ยวกับระบบโทรคมนาคม ระบบโครงข่ายสื่อสัญญาณ (Transmission Networks) ระบบศูนย์ข้อมูลหลัก ศูนย์ข้อมูลสำรอง ระบบคลาวด์ Smart Solutions ระบบวิทยุสื่อสารดิจิทัลและระบบตรวจสอบเฝ้าระวังและการบริหารความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Security) รวมถึงงานบริการเพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่อง

TKC เป็นผู้เชี่ยวชาญและชำนาญด้านการวางระบบเครือข่ายสื่อสารและเทคโนโลยี ดำเนินธุรกิจให้บริการรับเหมาออกแบบ วางระบบ จัดหาอุปกรณ์ ติดตั้ง ทดสอบ และบำรุงรักษาระบบงานวิศวกรรมในสายงานระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และ ระบบความปลอดภัยสาธารณะ โดยบริษัทฯ เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์โทรคมนาคม และเครือข่ายสารสนเทศชั้นนำระดับโลก เช่น Huawei, Nokia, Cisco, Verint, Oracle, Netka System, XOVIS, Fortinet เป็นต้น ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

บริษัทให้บริการ 3 กลุ่มงาน ได้แก่ โครงการรับเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Project-งานโครงการ) งานบริการวิศวกรรมและงานบำรุงรักษา และงานจัดจำหน่ายอุปกรณ์ โดยบริษัทฯ จัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และระบบความปลอดภัยสาธารณะ สินค้าที่จำหน่ายเป็นสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายและพันธมิตรทางธุรกิจ โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในบริษัทย่อย 2 แห่ง คือ บริษัท ไอบีเอส คอร์ปอเรชั่น (IBS) และบริษัท พาราไดม์ เทคโนโลยี เซอร์วิส (PTS) ซึ่งประกอบธุรกิจที่เสริมธุรกิจของบริษัทฯ

ด้านโครงสร้างรายได้ในงวด 9 เดือนแรกปี 2564 มาจากงานโครงการมากกว่า 64% รายได้จากงานบริการและบำรุงรักษากว่า 35% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากงานจัดจำหน่าย โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,832.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.04% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 191.07 ล้านบาท ซึ่งมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 2,346 ล้านบาท (งานโครงการ 125 ล้านบาท และงานซ่อมบำรุง 2,221 ล้านบาท) ขณะเดียวกันบริษัทเพิ่งชนะการประมูลโครงการใหม่  2 โครงการ ปัจจุบันมียอด Backlog อยู่ที่ 2,500 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในช่วงปี 2565-2567

สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (2561-2563) บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,669.65 ล้านบาท, 4,907.25 ล้านบาท และ 2,881.92 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีกำไรสุทธิ 216.50 ล้านบาท, 423.03 ล้านบาท และ 232.85 ล้านบาท ตามลำดับ

บริษัทมีเป้าหมายในอีก 3-5 ปีข้างหน้า (ปี2567-2569) เป็นผู้ให้บริการระบบ Smart Solutions ทั้งในด้านขนส่ง โรงงาน โลจิสติกส์ โรงพยาบาล และอื่นๆ และการให้บริการระบบตรวจสอบเฝ้าระวังและการบริหารความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Security) รวมถึงการสร้างระบบ Hybrid Cloud ที่เป็นระบบจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ โดยมีระบบ AI , Blockchain และ5G เข้ามาดูแล นอกจากนี้ยังศึกษาระบบรถยนต์ไร้คนขับ และโดรนใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆอีกด้วย

ด้านน.ส.เดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า TKC มีจุดเด่นจากความชำนาญในธุรกิจกว่า 20 ปี  เป็นที่เชื่อมั่นและยอมรับจากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ประกอบกับการเริ่มต้นจากธุรกิจรับเหมามาก่อน ทำให้สามารถบริหารต้นทุนได้ดีกว่าคู่แข่ง และการมีทีมวิศวกรที่มีทักษะในองค์กร  สามารถแข่งขันได้ทั้งในแง่ความสามารถในการบริการและราคา รวมถึงมีการดูแลและการให้บริการหลังการขายที่สร้างความพึงพอใจ และความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ในอนาคต TKC ยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง