HoonSmart.com>> “ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์” คาดยอดขายปี 65 โตต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์ยาและวัคซีน-อาหารเสริม-ชุดตรวจสัตว์ หนุน ส่วนแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เตรียมขายหุ้น 94 ล้านหุ้น พาร์ 0.50 บาท คาดเข้าเทรด mai ต้นไตรมาส 2/65 นำเงินระดมทุนคืนเงินกู้สถาบัน-ขยายโรงงานและเครื่องจักร-ลงทุนวิจัยและพัฒนาวัคซีนสัตว์ คาดวัคซีนเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 66 จ่อรุกตลาด CLMV ปักธงผู้นำไบโอเท็ค
นายวันชัย ศรีหิรัญรัศมี ประธานกรรมการ บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ (BIS) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ เป็นบริษัทยาและเวชภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงของคนไทย ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากบริษัทผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ระดับนานาชาติจำนวนมากอย่างต่อเนื่องกว่า 18 ปี โดยบริษัทฯ เป็นผู้แทนจำหน่ายยา วัคซีนและเวชภัณฑ์สำหรับสัตว์กว่า 446 รายการ จากแบรนด์ชั้นนำของโลก และมีแบรนด์ผลิตภัณฑ์ของตัวเองหลากหลายแบรนด์ โดยบริษัทฯ มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่จำนวนมากในอุตสาหกรรมอาหารของไทยที่มีมูลค่าการส่งออกอาหารสูงติดอันดับโลก เนื่องจากไทยเป็นหนึ่งในครัวของโลก โดยกระทรวงอุตสาหกรรมคาดว่ามูลค่าการส่งออกอาหารจะสูงกว่า 1,000,000 ล้านบาทในปี 2564 และมีปริมาณการผลิตเนื้อสัตว์เพื่อการบริโภคในประเทศและส่งออกมากกว่า 21 ล้านตันต่อปี
BIS มีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่ง ในผู้นำในอุตสาหกรรมไบโอเท็ค ซึ่งเป็นหนึ่ง ในอุตสาหกรรม New S Curve ของรัฐบาล โดยมุ่งเน้นการพัฒนาวัคซีนสัตว์ จำหน่ายวัคซีนและเวชภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยงอย่างครบวงจร ให้กับลูกค้าในอุตสาหกรรมปศุสัตว์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สำคัญของไทย ที่มีมูลค่าตลาดสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยมาตรฐานชีวอนามัยที่สูงและเข้มงวดยิ่งขึ้น ในสภาวะที่โลกเผชิญกับโรคระบาดทั้งในสัตว์และในคน ธุรกิจจำหน่ายยา วัคซีนและเวชภัณฑ์ของ บริษัทฯ จึงมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมอาหารมากขึ้นตามลำดับ
สำหรับแผนการระดมทุน บริษัทเตรียมจะเสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 94 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท คาดว่าจะได้รับการอนุมัติ จากสำนักงาน ก.ล.ต. ก่อน 120 วัน นับจากวันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสนอขายข้อมูล (ไฟลิ่ง) ตั้งแต่วันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในช่วงต้นของไตรมาส 2/2565 เพื่อเตรียมก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้านไบโอเท็คประเทศไทย และภูมิภาคอาเซียนที่เติบโตอย่างยั่งยืน ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 157 ล้านบาท และมีทุนชำระแล้ว 110 ล้านบาท
ส่วนวัตถุประสงค์การใช้ระดมทุน บริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงิน ใช้ขยายโรงงานการผลิตและลงทุนเครื่องจักร ใช้เป็นเงินลงทุนสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับสัตว์ เพื่อต่อยอดการผลิตวัคซีนในเชิงพาณิชย์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
“เรามีจุดเด่นในด้านการเติบโตอย่างมั่นคงของธุรกิจ โดยมีเป้าหมายในระยะยาวที่ต้องการให้สัดส่วนรับจ้างผลิต และผลิตผลิตภัณฑ์ของตัวเองที่สัดส่วนอย่างละ 50% ของยอดขายรวม และขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย รวมถึงเราประกอบธุรกิจที่มีความเฉพาะทาง ซึ่งเรามีทีมสัตวแพทย์ที่มีความชำนาญ และเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทำให้เรามีความได้เปรียบทางธุรกิจ โดยมีนโยบายจ่ายปันไม่ต่ำกว่า 30% ของกำไรสุทธิ หลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ” นายวันชัย กล่าว
ด้านนายสัตวแพทย์ ธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ (BIS) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 2565 เติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยในปีหน้าการเติบโตมาจากยอดขายของผลิตภัณฑ์รักษาและป้องกันโรคสำหรับสัตว์ (Animal Health Product) , ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition Product) และผลิตภัณฑ์เพื่อการวินิจฉัยโรคสำหรับสัตว์ (Diagnostic Product) โดย 3 ผลิตภัณฑ์มีสัดส่วนยอดขายประมาณ 70% ของยอดขายรวม และมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยประมาณ 20-30%
ทั้งนี้ BIS เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายใหญ่ของประเทศไทยในด้านเวชภัณฑ์สัตว์ อาหารเสริมและวัตถุดิบซึ่งครอบคลุมในการจัดจำหน่ายทั้งตลาดปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง จากผู้ผลิตระดับโลก นำเข้าจากผู้ผลิตชั้นนำกว่า 13 ประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐฯ ยุโรป จีน เกาหลีใต้ อีกทั้งบริษัทฯ เป็นเจ้าของแบรนด์เวชภัณฑ์สำหรับสัตว์หลากหลายแบรนด์ โดยมีโรงงานผลิตสินค้าเป็นของตนเองที่ได้มาตรฐานสากล ทั้งนี้ บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพสัตว์ครบวงจร คือ 1.ผลิตภัณฑ์รักษาและป้องกันโรคสำหรับสัตว์ (Animal Health Product) 2. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition Product) 3. ผลิตภัณฑ์เพื่อการวินิจฉัยโรคสำหรับสัตว์ (Diagnostic Product) 4. ผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดสำเร็จรูปสำหรับสัตว์ (Complete Feed Product) 5. ผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ (Ingredient Product) และ 6. ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ (Other Product)
ขณะที่รายได้รวมงวด 9 เดือนของ 2564 อยู่ที่ 1,418.31 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 52.76 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 3.72% โดยเติบโตสวนทางสภาวะเศรษฐกิจ ด้วยประสบการณ์กว่า 18 ปีในการบริหารธุรกิจ ได้สั่งสมความสัมพันธ์ที่ดียิ่งกับลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจจำนวนมากทั้งบริษัทระดับนานาชาติและบริษัทไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยแห่งความสำเร็จทางธุรกิจ ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการบริษัท ซึ่งประกอบด้วยผู้บริหารองค์กรธุรกิจระดับสูง อดีตผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐ และนักวิชาการด้านสาธารณสุขระดับนานาชาติ BIS จึงเป็นบริษัทฯ ที่มีการบริหารแบบมืออาชีพ มีความคล่องตัวสูง และมีธรรมาภิบาลที่ดี
รายได้รวมในงวดปี 2561 ถึง 2563 อยู่ที่ 1,525.99 ล้านบาท 1,884.27 ล้านบาท และ 1,783.71 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิของบริษัทฯ อยู่ที่ 29.78 ล้านบาท 61.35 ล้านบาท และ 54.45 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 1.95% , 3.26% และ 3.05% ตามลำดับ
“เรามีแผนที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อนำเงินไปลงทุนในโครงการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคระบาดในสุกรร่วมกับสำนักงานวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (สวทช.) โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2566 และเริ่มจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ โดยเน้นตลาดในประเทศ และ CLMV เพื่อเข้าสู่การเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมไบโอเท็คของไทยอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ วางแผนจะลงทุนขยายกำลังการผลิตวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับสัตว์ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมอาหาร ที่คาดว่าจะฟื้นตัวตามสภาวะเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทย หลังจากสถานการณ์โคโรน่าไวรัส เริ่มคลี่คลาย”นายสัตวแพทย์ ธนวัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ได้ให้ความสำคัญในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ร่วมกับ สถาบันวิจัยชั้นนำของไทย โดยบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการร่วมพัฒนาชุดตรวจโรค ASF หรือโรคไข้หวัดแอฟริกันในสุกรออกสู่ตลาด ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง อีกทั้งในสถานการณ์โควิด 19 บริษัทฯ ได้พัฒนาชุดตรวจ ระบบ Real Time PCR สำหรับใช้ในสัตว์และใช้ในคน ซึ่งเป็นบริษัทแรกของไทยที่ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ที่ตอบสนองความต้องการตลาดและขยายธุรกิจให้ครบวงจรยิ่งขึ้นเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง