HoonSmart.com>>”ทรู คอร์ปอเรชั่น”-“โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส” ผู้ให้บริการมือถือเบอร์ 2 เบอร์ 3 ของประเทศไทย นัดแถลงข่าวใหญ่วันจันทร์นี้ คนวงการโทรคมนาคมคาดรูปแบบร่วมมือกันลดต้นทุน เพิ่มความสามารถแข่งขัน ต่อกรกับ AIS เชื่อ กสทช.ให้คง 2 แบรนด์ไว้ บล.บัวหลวงวิเคราะห์หากควบรวมกิจการกันจริงตามข่าวลือ การแลกหุ้นจะเกิดขึ้นง่ายกว่าจ่ายเงินสด หากคิดเฉพาะพื้นฐานของ TRUE แนะนำให้ซื้อเก็งกำไร ให้เป้า 5 บาท ธุรกจหลักขาดทุนน้อยลงตั้งแต่ไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงปี 65 ได้ลูกค้า 5G -ลูกค้าองค์กร หนุนรายได้และกำไร
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 22 พ.ย.นี้เครือเจริญโภคภัณฑ์ (เครือซีพี) และ เทเลนอร์ กรุ๊ป บริษัทโทรคมนาคม ประเทศนอร์เวย์ จะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) กับ บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE)
ส่วนความร่วมมือกัน คงไม่ถึงขั้นการซื้อขายกิจการ (เทคโอเวอร์) หรือการแลกหุ้นเพื่อควบรวมกิจการ เชื่อว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ยังต้องการให้มี 2 แบรนด์ในตลาด คือTRUE และ DTAC รูปแบบของความร่วมมือคงเป็นเพียงการรวมส่วนปฎิบัติงานเข้าด้วยกัน เพื่อลดต้นทุน เช่น สาขาต่างๆ , ทีมทำงานต่างๆ ,ฝ่ายกฎหมาย , call center, ทีมวิศวกร หรือใช้อุปกรณ์ร่วมกันตามสถานีต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน เมื่อเทียบกับ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ AIS
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนก.ย.2564 TRUE มีจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่รวม 32 ล้านเลขหมาย หากรวมกับ DTAC ที่มีจำนวน 19.3 ล้านเลขหมาย จะมีผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งสิ้น 51.3 ล้านเลขหมาย ซึ่งมากกว่าของ AIS ที่มีจำนวน 43.66 ล้านเลขหมาย
ทางด้านรายได้รวม งวด 9 เดือนของปี 2564 TRUE ทำได้จำนวน 103,177 ล้านบาท DTAC มีจำนวน 59,855 ล้านบาท หากรวมกันก็มีมากกว่า AIS ที่มีจำนวน 132,020 ล้านบาท แต่ถ้าคิดเรื่องกำไรสุทธิ AIS ทำได้มากถึง 20,059 ล้านบาท ทิ้งห่าง DTAC ที่มีเพียง 3,185 ล้านบาท และ TRUE ที่ยังประสบปัญหาขาดทุนอยู่ถึง -1,483 ล้านบาท
สำหรับผู้ใช้บริการ 5G ทั้ง TRUE และ AIS มีเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านเลขหมาย เมื่อสิ้นเดือนก.ย.2564 และตั้งเป้าถึง 2 ล้านเลขหมายสิ้นปี 2564 เช่นเดียวกัน โดย AIS มุ่งเน้นการสร้างให้ 5G เป็นผลิตภัณฑ์และราคาในระดับพรีเมี่ยมเพื่อช่วยเพิ่ม ARPU (รายได้เฉลี่ยต่อเลขหมายต่อเดือน) ในสภาวะการแข่งขันสูงและลูกค้าได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
ในช่วงบ่ายของวันที่ 19 พ.ย.2564 เทเลนอร์ กรุ๊ป ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ออสโล ประเทศนอร์เวย์ว่า อยู่ระหว่างการเจรจากับเครือซีพีเกี่ยวกับความร่วมมือในรูปแบบ Eco Partner หรือสร้างพันธมิตรทางธุรกิจอย่างเท่าเทียมกันในกลุ่มธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม
สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เทเลนอร์ยืนยันว่าได้เริ่มต้นการเจรจากับบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ เพื่อดำเนินการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ซึ่งเป็นธุรกิจคมนาคมของเทเลนอร์ในประเทศไทย กับ บริษัท ทรู คอรปอเรชั่น โดยขณะนี้ทั้งสองบริษัทยังคงอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และมีบางประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุป อีกทั้งยังไม่มีความแน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงในขั้นตอนสุดท้าย และเทเลนอร์จะไม่ให้ความคิดเห็นใดๆเพิ่มเติมจนกว่าการเจรจาจะเสร็จสิ้นลง
ก่อนหน้านี้ เทเลนอร์ ได้ลงนามในการควบรวมกิจการในประเทศมาเลเซีย กับบริษัท Axiata Group Bhd ซึ่งเป็นบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของมาเลเซีย มูลค่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งในปัจจุบันเทเลนอร์มีลูกค้าที่ใช้บริการ 172 ล้านคนทั่วโลก โดยรายได้ของบริษัท 50% มาจากประเทศในทวีปเอเชีย ขณะรายได้อีก 50% มาจากการให้บริการในทวีปยุโรป
ด้านบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า สืบเนื่องจากที่มีการคาดการณ์ในสื่อต่างๆ เกี่ยวกับบริษัท DTAC และ บริษัท TRUE บริษัทขอเรียนว่า ทางตลาดหลักทรัพย์จะได้รับการชี้แจงจากบริษัท ตามที่กำหนดตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ให้ทราบ เช่นเดียวกับTRUE ได้ชี้แจงว่า ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับบริษัท TRUE และ DTAC นั้นหากมีข้อชี้แจงใดๆที่บริษัท มีหน้าที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ บริษัทจะแจ้งข้อมูลต่อไป
บล.บัวหลวงวิเคราะห์ว่า ข่าวลือควบรวมกิจการครั้งนี้ ถ้าอยู่ในรูปแบบของการแลกหุ้นเชื่อว่าอาจจะเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าให้ TRUE จ่ายเป็นเงินสด และถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองบริษัท เนื่องจากจะส่งผลบวกต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือในระยะยาวจากการแข่งขันด้านราคาที่มีแนวโน้มลดลง DTAC จะสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มบริการคอนเวอร์เจ้นซ์ของ TRUE และเข้าถึงธุรกิจบรอดแบรนด์บ้านรวมถึงธุรกิจทีวีบอกรับสมาชิกหรือเพย์ทีวี และคอนเทนต์ของ TRUE
ขณะที่ TRUE จะมีส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เพิ่มขึ้นทางอ้อมผ่านการควบรวมกิจการ
ทั้งนี้ หากตัดประเด็นข่าวลือควบรวมกิจการกับ DTAC และหันมาดูเฉพาะปัจจัยพื้นฐานของ TRUE คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” การใช้บริการทรูมูฟเอชจะกลับไปสู่โหมดของการเติบโตอีกครั้งหลังเปิดเมือง นอกจากนี้ยังเห็นสัญญาณบวกจากการปรับขึ้นอัตราค่าบริการพรีเพดในบางพื้นที่ ส่วนตลาดโพสต์เพด ยังคงไปตามอุตสาหกรรม รวมถึงการย้ายของกลุ่มลูกค้าโพสต์เพดเป็นลูกค้า 5G ทำให้ผลขาดทุนจากธุรกิจหลักมีแนวโน้มจะลดลงในช่วงไตรมาสที่ 4 ต่อเนื่องไปยังปี 2565 หนุนโดยรายได้บริการที่ดีขึ้น และการลดต้นทุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
บริษัททรูฯตั้งเป้าผู้ใช้บริการ 5G สะสมที่ 2 ล้านราย ณ สิ้นปี 2564 และจำนวนมากกว่า 4 ล้านราย ณ สิ้นปี 2565 เพิ่มขึ้นจาก 1.5 ล้านราย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3/2564 คาดว่ายังคงเห็นสัญญาณบวกจากการปรับเพิ่มขึ้นของรายได้ต่อเลขหมายต่อเดือนอีก 10-15% จากบริการ 5G
นอกจากนี้ยังคาดว่าลูกค้าองค์กรจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของรายได้และกำไรในอีก 2-3 ปีข้างหน้า คาดรายได้จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 เท่าตัว เทียบกับอัตราการเติบโตที่ 10-15% ในปี 2564 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 70% และการลดต้นทุนหลายวิธี
“มูลค่าหุ้น TRUE ยังน่าสนใจ ด้วยอัตราส่วน EV/EBITDA ที่ 8.5 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยระยะยาวของบริษัทซึ่งอยู่ที่ 8.7 เท่า โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 5 บาท” บล.บัวหลวงระบุ