HoonSmart.com>>UBE โชว์ Q3/2564 กำไร 97.35 ล้านบาท พุ่งปรี๊ด 2,696% รายได้ขายโตกระฉูด จากการขายเอทานอลทำแอลกอฮอล์ ฆ่าเชื้อโควิด และรายได้ขายมันสำปะหลัง รวม 9 เดือนปีนี้ กำไร 204.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200.1%
บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล (UBE) รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/2564 กำไรสุทธิ 97.35 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.035 บาท เพิ่มขึ้น 101 ล้านบาท หรือ 2,696% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขาดทุนสุทธิ 3.75 บาท
งวด 9 เดือน กำไรสุทธิ 204 ล้านบาท ดีขึ้น 136.04 ล้านบาท หรือ 200.18% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน กำไรสุทธิ 67.96 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.072 บาท
บริษัท ฯ ชี้แจงกำไรที่เติบโตขึ้น มาจากปัจจัย
รายได้จากการขาย ในไตรมาสที่ 3/2564 จำนวน 2,087.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 980.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 88.6% และเพิ่มขึ้น 273.2 ล้านบาท หรือ 15% จากไตรมาสที่2 /2564 จากปริมาณการขายเอทานอลที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการขายเอทานอล เกรดอุตสาหกรรมที่มีความต้องการสูงขึ้นตามการแพร่ระบาดของโควิด-19
รวมทั้งรายได้ขายเติบโตจากปริมาณการขายแป้งมันสำปะหลัง ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและ ปริมาณการขายเอทานอลที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม ที่มีความต้องการสูงขึ้นตามการแพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะที่รายได้จากธุรกิจอื่นของบริษัทลดลง เนื่องจาก บริษัทมีการขายมันเส้นส่วนเกินจากกระบวนการผลิตในงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า
ช่วง 9 เดือนแรก 2564 มีรายได้จากการขาย 5,033.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,822.6 ล้านบาท หรือ 56.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยหลักเป็นการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายแป้งมันสำปะหลัง ทั้งผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังทั่วไป และแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคู่ค้าหลัก เช่น ประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และยุโรป เริ่มคลี่คลาย
นอกจากนี้ รายได้จากการจำหน่ายเอทานอล ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากทั้งปริมาณการขายเอทานอลที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการขายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม ที่มีความต้องการสูงขึ้นตามการแพร่ระบาดของโควิด-19
ขณะที่เอทานอลเกรดเชื้อเพลิง มีปริมาณการขายเพิ่มมากขึ้น จากการทำสัญญากับผู้ค้าน้ำมันล่วงหน้า ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้รายได้จากการขายของบริษัทในภาพรวมที่ปรับตัวดีขึ้น
สำหรับงวด 9 เดือนแรก 2564 บริษัท ฯ มีรายได้รวม เท่ากับ 5,033.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน 1,822.6 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 43.2% โดยบริษัท ฯ มีกำไรสุทธิ 204.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 136.0 ล้านบาท หรือ 200.1% จากงวดเดียวกันปีก่อน
นายเดชพนต์ เลิศสุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ UBE กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 กำไรสุทธิ 97.35 ล้านบาท เติบโต 41.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 68.71 ล้านบาท ถือเป็นการทำสถิติสูงสุดรายไตรมาส
ขณะที่รายได้จากการขายรวมทำได้ 2,087.31 ล้านบาท เติบโต 15.06% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้ 1,814.15 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตที่โดดเด่นจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1. ปริมาณการขายเอทานอลเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการจำหน่ายเอทานอลเกรดอุตสาหกรรม ที่มีความต้องการสูงขึ้นในไตรมาส 3/64 ตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้กำไรสุทธิโดยรวมของกลุ่มดีขึ้น และ 2. มีการผลิตและส่งออกแป้งมันสำปะหลังสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
บริษัทฯ มุ่งเน้นการขายสินค้าที่มีมูลค่าสูง ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตอย่างโดดเด่น ปัจจุบัน มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเอทานอล 63% ธุรกิจแป้งมันสำปะหลัง 30% และที่เหลือเป็นธุรกิจเกษตรอินทรีย์
ส่วนไตรมาส 4/64 ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากเอทานอลเกรดเชื้อเพลิงที่ได้แรงหนุนจากการเปิดเมือง ส่งผลให้มีความต้องการใช้แก็สโซฮอล์เพิ่มขึ้น และยอดจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิคที่เข้าสู่ช่วงฤดูกาล
สำหรับแนวโน้มทั้งปี 2564 คาดปริมาณขายเอทานอลเพิ่มเป็น 130 ล้านลิตร โดยคาดการณ์ปริมาณขายเอทานอลอุตสาหกรรม (Industrial Grade Alcohol) เติบโตกว่าสองเท่าของปริมาณการขายทั้งปี 2563 หลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้น เนื่องจาก นำมาใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ (Alcohol-based Sanitizer) ภายใต้แบรนด์ “UBON BIO” และ “KLAR”
“ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/64 และงวด 9 เดือนแรกของปี 64 ถือว่าเราทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะกำไรสุทธิที่ทำนิวไฮต่อเนื่อง ตอกย้ำเป้าหมายการสร้างผลงานที่เติบโตอย่างยั่งยืน หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทุกกลุ่มธุรกิจเติบโตโดดเด่น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจแป้งมันสำปะหลังยอดส่งออกเพิ่มขึ้น โดยกลุ่มผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น ใส่ใจในการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ส่งผลให้ปริมาณการจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังออร์แกนิค มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 22,000 ตันในปี 2563 และเพิ่มเป็น 31,308 ตันในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้” นายเดชพนต์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือ UBE กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ มั่นใจเป้าหมายรายได้ปี 2564 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% เมื่อเทียบปีก่อนที่มีรายได้รวม 4,434.45 ล้านบาท ซึ่งนอกเหนือจากการเป็น “Well-Integrated Tapioca Player” หรือ ผู้ผลิตและแปรรูปมันสำปะหลังแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง โดยใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบผลิตทั้งเอทานอลและแป้งมันสำปะหลังแล้ว
บริษัทฯ ไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาสินค้าทางการเกษตรอินทรีย์ชนิดอื่นๆที่มีมูลค่าสูง (High Value Product หรือ HVP) ซึ่งมีศักยภาพการจำหน่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ด้วย ถือเป็นกลุ่มสินค้ามูลค่าสูง และจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน โดยที่ผ่านมา UBE ได้เริ่มเข้าไปดำเนินการปลูก “กาแฟออร์แกนิคแท้ 100%” ที่สาละวัน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ในพื้นที่เริ่มต้น 700 ไร่ ซึ่งคาดว่าจะได้ผลผลิตเริ่มต้นประมาณ 200-300 ตัน และจะเริ่มสร้างรายได้ในปีหน้า
นอกจากนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุน บริษัทฯ ได้นำเงินบางส่วนชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินราว 2,000 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ลดลงอยู่ที่ 0.5 เท่า พร้อมกันนี้ อยู่ระหว่างเตรียมลงทุนโครงการเพิ่มกำลังผลิตฟลาวภายในไตรมาส 1/2565