PIN โชว์กำไรครึ่งปีโต 79% หุ้นจ่อเทรด SET 9 พ.ย.นี้

HoonSmart.co>> “ปิ่นทอง อินดัสเตรียลฯ” เปิดกำไรครึ่งปีแรก 64 โตแตะ 28.69 ล้านบาท รายได้จากการขายที่ดินในนิคมอุตฯเพิ่ม บริหารต้นทุนขายและบริการ ค่าใช้จ่ายลดลง ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯ รับหุ้น PIN เข้าเทรดหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 9 พ.ย.นี้ ราคา IPO หุ้นละ 3.90 บาท “กลุ่มพีระ ปัทมวรกุลชัย” ถือหุ้นรวม 70.90%

บริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค (PIN) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2564 กำไรสุทธิ 99.31 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.11 บาท เพิ่มขึ้น 43.74 ล้านบาท หรือ 78.72% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 55.56 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.06 บาท

รายได้หลักจากการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ สําหรับงวด 6 เดือน ปี 2564 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2563 จํานวน 28.69 ล้านบาท คิดเป็น 10.36% โดยมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายที่ดินที่พัฒนาแล้วในนิคมอุตสาหกรรม โดยไตรมาส 2 ปี2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ดินที่พัฒนาแล้วในโครงการ PIN4 และ PIN5 ได้จํานวน 48.17 ไร่

ในขณะที่ไตรมาส 2 ปี2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ดินที่พัฒนาแล้วในนิคมอุตสาหกรรมโครงการ PIN5 ได้จํานวน 42.81 ไร่ ประกอบกับบริษัทฯ มีรายได้จากการให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าบริการพื้นที่ส่วนกลางและค่านํ้าประปา เนื่องจากมีจํานวนลูกบ้านเพิ่มขึ้น

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดฯ รับหุ้นบริษัทปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “PIN” ในวันที่ 9 พ.ย.2564 นี้

PIN ดำเนินกิจการพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ โดยเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมประเภทเขตอุตสาหกรรมทั่วไป พร้อมระบบสาธารณูปโภค สิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่พาณิชยกรรม การพัฒนาและบริหารอสังหาริมทรัพย์ประเภทพื้นที่โลจิสติกส์ (Logistics park) อาคารโรงงาน คลังสินค้าเพื่อเช่าและขายสำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ที่ตั้งโครงการอยู่ในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและระยอง ภายใต้เขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี

ปัจจุบันมีโครงการนิคมอุตสาหกรรมที่ดำเนินการแล้วจำนวน 5 โครงการ โครงการ Logistics Park 1 โครงการ และนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 1 โครงการ กลุ่มลูกค้ามีการกระจายตัวหลากหลายอุตสาหกรรม โดยส่วนใหญ่ อยู่ในธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ โลหะและพลาสติก ซึ่งเป็นกิจการข้ามชาติจากญี่ปุ่น ไทย และจีน

PIN มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลังเสนอขายหุ้น 1,160 ล้านบาท มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 870 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 290 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 28 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2564 ในราคาหุ้นละ 3.90 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 1,131 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 4,524 ล้านบาท การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) 10.11 เท่า ซึ่งคำนวณจากผลประกอบการของบริษัทฯ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (fully diluted EPS) เท่ากับ 0.39 บาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)

นายพีระ ปัทมวรกุลชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า การเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของบริษัท และเชื่อมั่นว่าจะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขัน เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งด้านเงินทุน โดยบริษัทฯ มีแผนจะนำเงินจากการระดมทุนไปลงทุนในโครงการพัฒนาพื้นที่โลจิสติกส์ (Logistics Park) แห่งใหม่ นอกจากนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนส่วนหนึ่งจะใช้ในชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

PIN มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และทุนสำรองตามกฎหมาย ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงิน สภาพคล่อง แผนการขยายธุรกิจ ความจำเป็นและความเหมาะสมในอนาคตและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการบริหารงานของบริษัทฯ ตามความเห็นสมควรหรือเหมาะสมของคณะกรรมการบริษัทฯ

ทั้งนี้ หลัง IPO จะมีผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้แก่ กลุ่มของนายพีระ ปัทมวรกุลชัย ถือหุ้นรวม 70.90% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว