HoonSmart.com>> แอล.พี.เอ็น.ฯ กำไรไตรมาส 3/64 เหลือ 26 ล้านบาท วูบ 74% จากงวดปีก่อน รายได้รวมลดลง 12.65% ฉุดงวด 9 เดือนกำไรเหลือ 270 ล้านบาท เผยครึ่งปีหลังไม่มีโครงการแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบ หลังปิดแคมป์คนงานก่อสร้างทำโครงการล่าช้า 2 เดือน คาดสถานการณ์อสังหาฯ เริ่มฟื้นตัวไตรมาส 4 นี้ จ่อเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่า 5.9 พันล้านบาท ด้านทริสเรทติ้ง หั่นเครดิตลงสู่ “BBB” จาก “BBB+” สะท้อนผลดำเนินงานอ่อนตัวลงต่อเนื่อง ภาระหนี้สูงขึ้น
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2564 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2564 กำไรสุทธิ 26.46 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.02 บาท ลดลง 74.19%จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 102.53 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.07 บาท
ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2564 กำไรสุทธิ 270.31 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.19 บาท ลดลง 42.84% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 472.94 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.33 บาท
บริษัทฯ มีรายได้รวมในไตรมาส 3/2564 จำนวน 1,182.77 ล้านบาท ลดลง 12.65% จากงวดปีก่อน และมีอัตรากำไรสุทธิในไตรมาส 3/2564 ลดลง 5.33% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาจากรายได้จากการขายที่ลดลง 19.21% ซึ่ง 70% เป็นการรับรู้รายได้จากโครงการอาคารชุดพักอาศัยและอีก 30% เป็นการรับรู้รายได้จากโครงการบ้านพักอาศัย
ในขณะที่รายได้จากธุรกิจให้เช่า ธุรกิจบริการ และรายได้ค่าบริหารเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 6.39% มาจากการขยายธุรกิจให้เช่า และธุรกิจรับจ้างบริหารอาคาร (Facilities Management)
ส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย และค่าใช้จ่ายบริหารลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 2.83% และ 3.18% ตามลำดับ จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่าย และต้นทุนในการดำเนินงาน
บริษัทคาดว่าสถานการณ์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4 นี้ โดยบริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในไตรมาส 4 จำนวน 5 โครงการ ประกอบด้วยอาคารชุดพักอาศัย 2 โครงการ บ้านพักอาศัย 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 5,900 ล้านบาท เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
สำหรับโครงการที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบในครึ่งปีหลัง 2564 ไม่มี เนื่องจากมาตรการปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ส่งผลให้งานก่อสร้างทุกโครงการล่าช้าไปประมาณ 2 เดือน
ส่วนยอดขายสะสม 9 เดือน ปี 2564 จำนวน 6,300 ล้านบาท แบ่งเป็น 67% มาจากโครงการอาคารชุดพักอาศัย และ 33% มาจากโครงการบ้านพักอาศัย และมียอดขายรอโอน (Backlog) จำนวน 2,960 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2564 และปี 2565 มาจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ลดลง โดยแบ่งเป็นรายได้โครงการอาคารชุดพักอาศัยและบ้านพักอาศัยลดลง 22.26% และ 11.22% ตามลำดับ
ด้านบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ปรับลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัท แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เป็น “BBB” จากระดับ “BBB+” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องและภาระหนี้ที่สูงขึ้นซึ่งอาจส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพิ่มขึ้นสูงกว่า 10 เท่าและอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงินลดลงต่ำกว่า 5% ในช่วง 3 ปีข้างหน้า
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงแบรนด์สินค้าของบริษัทที่เป็นที่ยอมรับเป็นอย่างดีในตลาดคอนโดมิเนียมระดับราคาปานกลางถึงต่ำซึ่งเป็นผลมาจากการมีบริการหลังการขายที่ดี นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงการที่บริษัทมีสินค้าที่ไม่หลากหลายทั้งในแง่ของประเภทและระดับราคา รวมถึงความกังวลของทริสเรทติ้งเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โรคโควิด-19) ที่ยืดเยื้อซึ่งมีแนวโน้มที่จะยังคงสร้างแรงกดดันต่อผลการดำเนินงานและกำไรของผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่อไปอีกด้วย