“HL” หุ้นร้านยารายแรก ขาย IPO 72 ล้านหุ้น เทรด mai กลางเดือน ธ.ค.

HoonSmart.com>> หุ้นน้องใหม่ “เฮลท์ลีด” เตรียมเสนอขายไอพีโอจำนวน 72 ล้านหุ้น พาร์ 0.50 บาทต่อหุ้น คาดเข้าเทรดตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ไม่เกินกลางเดือน ธ.ค.64 นี้  ระดมทุนขยายสาขา-ปรับปรุงสาขาเดิม-หมุนเวียนในกิจการ ตั้งเป้าขยายสาขาปีละ 4-5 สาขา มั่นใจโอกาสเติบโตในธุรกิจยา-วิตามิน ยังมีอีกมาก ชูจุดเด่น กำไรโตก้าวกระโดด  มาร์จิ้นสูง 

นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของบริษัท เฮลท์ลีด (HL) เปิดเผยว่า HL เตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 72 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 26.47% ของหุ้นทั้งหมด โดยคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ไม่เกินกลางเดือน ธ.ค.2564

“HL มีความน่าสนใจ จากการเป็นร้านขายยาที่มีแบรนด์เป็นที่รู้จัก โดยมีอยู่ 4 แบรนด์ รวมแล้ว 25 สาขา ตั้งอยู่บนทำเลที่เหมาะสม ยอดขายในแต่ละสาขามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีเภสัชกรที่คอยให้บริการอยู่ตลอด ทำให้เป็นที่น่าไว้ใจของลูกค้า นอกจากนี้ HL ขายของเป็นเงินสด การกู้ยืมต่างๆจากสถาบันจึงน้อยมาก ทำให้มีความสามารถที่ดีในการจ่ายปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้น โดยมีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ”นายสมภพ กล่าว

ด้านภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฮลท์ลีด (HL) เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ว่า บริษัทจะนำเงินไปใช้ในการขยายสาขาใหม่ โดยตั้งเป้าเพิ่มปีละ 4-5 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาอยู่ทั้งหมด 25 สาขา และใช้ปรับปรุงสาขาเดิม รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ เพื่อต่อยอดธุรกิจนวัตกรรมแห่งอนาคต

“การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ ถือเป็นเป้าหมายหลักของเรา เพื่อจะยกระดับมาตรฐานขององค์กร ให้โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และสร้างความเชื่อถือให้กับคู่ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ต่อการตัดสินใจเลือกซื้อยาเวชภัณฑ์เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อุปกรณ์การแพทย์กว่า 10,000 รายการ ของ HL ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และสร้างความเชื่อมั่นได้เป็นอย่างดี” ภก.ธัชพล กล่าว

บริษัทมีจุดเด่นในเรื่องของการปรึกษาเภสัชกรได้อยู่ตลอด เนื่องจากบริษัทเป็นเครือข่ายกับทางมหาวิทยาลัย ทำให้มีนักศึกษาเข้ามาฝึกงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งเพียงพอต่อการดูแลหน้าร้านทั้ง 25 สาขา ส่วนงานหลังร้าน บริษัทได้มีระบบบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และวางแผนการกระจายสินค้าเป็นอย่างดี ทำให้ไม่มีสินค้าคงเหลือในคลังสินค้า

ภก.ธัชพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมูลค่าตลาดอุตสาหกรรมยาไทยอยู่ที่ 184,000 ล้านบาท แบ่งเป็นร้านขายยาประมาณ 20% หรือ 35,500 ล้านบาท โดยประมาณ  45% อยู่ในกรุงเทพฯ โอกาสในการเติบโตของการขยายร้านขายยาในกรุงเทพฯยังมีอยู่ค่อนข้างมาก

ด้านผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 556.76 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 22.27% เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น รวมทั้งมีรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพที่เป็นผลิตภัณฑ์ของเฮลทิเนสเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 32.29 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 5.80%

ส่วนผลประกอบการในช่วง 3 ปีย้อนหลัง (2561-2563) บริษัทมีรายได้รวม 791.21 ล้านบาท, 915.51 ล้านบาท และ 1,080.11 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด อยู่ที่ 0.39 ล้านบาท, 21.77 ล้านบาท และ 52.08 ล้านบาท ตามลำดับ

HL ประกอบธุรกิจลงทุนในบริษัทอื่น (โฮลดิ้ง) ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ลงทุนในบริษัทย่อย 2 แห่งได้แก่  1.บริษัท ไอแคร์ เฮลท์ จำกัด (Icare Health)  ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100 %   ประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจร้านขายยา จำหน่ายยา เวชภัณฑ์ เวชสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อุปกรณ์การแพทย์ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพต่างๆ รวมกว่า 10,000 รายการ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย โดยจำหน่ายผ่านร้านขายยาทั้งหมด 4 แบรนด์  ปัจจุบันมี 25 สาขา ได้แก่ iCare 10 สาขา, PharmaX 11 สาขา, vitaminclub 3 สาขา และ Super Drug 1 สาขา

2.บริษัท เฮลทิเนส จำกัด (Healthiness) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น 100% โดยประกอบธุรกิจหลัก คือ คิดค้น และพัฒนาร่วมกับทีมวิจัยภายนอก รวมทั้งว่าจ้างผู้ผลิต เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ ภายใต้ 2 แบรนด์ คือ PRIME เป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ที่คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก มีผลิตภัณฑ์จำนวนทั้งหมด 24 SKU และ Besuto เป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ ผลิตภัณฑ์สลายกลิ่น และผลิตภัณฑ์หน้ากาก ซึ่งมีจำหน่ายทั้งหมด 9 SKU โดยส่วนใหญ่จำหน่ายผ่านร้านค้าปลีกของกลุ่มบริษัท