บจ.เอ็มเอไอกำไร 3.5 พันล. โต 40% มาร์จิ้นลด

บจ.เอ็มเอไอ รายงานไตรมาส 2 กำไร 1,715 ล้านบาท โต 63% รวมครึ่งปีกวาด 3,553 ล้านบาท ยอดขายโต 16% ต้นทุนเพิ่มมากกว่า เจอน้ำมันและค่าเงินแข็ง กดอัตรากำไรขั้นต้นลดลง 1.12%

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai ในไตรมาส 2/2561 มีกำไรสุทธิ 1,715 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.02% โดยมียอดขายรวม 44,785 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 17.20% ขณะที่ต้นทุนรวมอยู่ที่ 34,851 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.16% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 0.63% อยู่ที่ 22.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนผลประกอบการรวม 6 เดือน มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 3,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.73% มาจากยอดขายรวม 88,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.91% ต้นทุนรวม 68,963 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.61% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง 1.12% จาก 23.24% มาอยู่ที่ 22.12%

ในช่วงครึ่งปีนี้ บจ.ที่รายงานผลกำไรสุทธิมีจำนวน 107 บริษัท คิดเป็น 73% ของบริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานทั้งหมด 147 บริษัท คิดเป็น 97% จากทั้งหมด 152 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ยังไม่ถึงกำหนดส่งงบการเงิน)


“ภาพรวมผลงาน 6 เดือนแรกของปีนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมทุกกลุ่มมียอดขายเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและขาย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม รวมถึง บจ. ที่ทำธุรกิจขนส่ง รวมถึงเงินบาทแข็งค่าในช่วงต้นปีทำให้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมลดลง แต่ บจ.มีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี และหลาย บจ. เริ่มรับรู้รายได้จากการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโต 39.73% พบ 7 จาก 8 กลุ่มอุตสาหกรรมมีผลการดำเนินงานดีขึ้น ยกเว้น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่กำไรลดลง”นายประพันธ์ กล่าว

ทางด้านฐานะทางการเงิน บจ. mai ช่วงครึ่งปีแรกมีสินทรัพย์รวม 264,845 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.74% จากสิ้นปี 60 ในขณะที่โครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.03 เท่า เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้วเล็กน้อย

ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 152 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 22 ส.ค.2561) ดัชนี mai ปิดที่ 434.25 จุด ลดลง 19.64 % จากต้นปีนี้ มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) อยู่ที่ 277,786 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 1,408 ล้านบาทต่อวัน