TU ร่วมทุน SFLEX ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน

HoonSmart.com>> “ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป” เพิ่มพันธมิตรใหม่ ส่งบริษัทลูกร่วมทุน “สตาร์เฟล็กซ์” ลงทุนสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนมุ่งเน้นสำหรับผลิตภัณฑ์อาหาร ตั้งเป้ารายได้ในปี 65-66 ไว้ประมาณ 70 ล้านบาท และ 250 ล้านบาท หวังปี 2570 ถึง 1,500 ล้านบาท 

บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารเห็นชอบอนุมัติให้บริษัทย่อย คือ บริษัทไทยยูเนี่ยน กราฟฟิกส์ (TUG) ร่วมลงทุนกับ บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX) ในกิจการการผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) และดำเนินธุรกิจอื่นใดที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ใหม่ในอนาคต

ด้านบริษัทร่วมทุน  SFLEX จะเข้าถือหุ้นจำนวน 1.25 ล้านหุ้น สัดส่วน 51% ของทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท  และ TUG จะถือหุ้นสัดส่วน 49 % เป็นหุ้นสามัญ 1.2 ล้านหุ้น และหุ้นบุริมสิทธิจำนวน 50,000 หุ้น

นายปรินทร์ธรณ์ อภิธนาศรีวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สตาร์เฟล็กซ์ กล่าวว่า การจัดตั้งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อนโดยมุ่งเน้นสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเป็นหลัก และจะเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ของกลุ่มไทยยูเนี่ยน เพื่อตอบโจทย์เรื่องคุณภาพและมาตรฐานผลิตภัณฑ์ระดับโลก

การร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นไปตามแผนการขยายตลาดและขยายฐานรายได้ของ SFLEX  คาดว่าจะสามารถก่อสร้างโรงงาน ติดตั้งเครื่องจักรให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/2565  ตั้งเป้ารายได้ในปี 2565-2566 ไว้ประมาณ 70 ล้านบาท และ 250 ล้านบาท ตามลำดับ ด้วยกำลังการผลิตเบื้องต้นที่ระดับ 40% และจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นในปีต่อๆไป เพื่อผลักดันในการสร้างรายได้ให้ไปถึง 1,500 ล้านบาทภายในปี 2570

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) กล่าวว่า ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารทะเล ไทยยูเนี่ยนให้ความสำคัญกับการดูแลทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ตามวิสัยทัศน์ในการสร้างความเป็นอยู่ที่ดีและดูแลท้องทะเลให้อุดมสมบูรณ์ บรรจุภัณฑ์ถือเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน  การออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะช่วยตอบโจทย์การดูแลสิ่งแวดล้อม บริษัทยังตั้งเป้าหมาย ในการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ รีไซเคิลและย่อยสลายได้ ทั้งหมด 100% สำหรับผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของบริษัท ภายในปี 2568  เชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้มีส่วนสำคัญทำให้ไทยยูเนี่ยนบรรลุเป้าหมายดังกล่าว รวมถึงการทำงานร่วมกันในการพัฒนาธุรกิจต่อไปในอนาคต