HoonSmart.com>> บล.คิงส์ฟอร์ด แนะหุ้นกลุ่มพลังงาน โรงกลั่น รับราคาน้ำมันดิบพุ่งต่อเนื่องขานรับความต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัว ด้านค่าการกลั่นฟื้นตัวต่อเนื่อง แนะ PTTEP-TOP ด้านแนวโน้มหุ้นวันนี้คาดดัชนีผันผวน ฟันด์โฟลว์ชะลอตัวหลังเงินบาทอ่อน วางแนวรับ 1,620 จุด ยืนไมอยู่แนะทยอยรับ
บริษัทหลักทรัพย์คิงส์ฟอร์ด แนะนำลงทุนวันนี้ กลุ่มพลังงานและโรงกลั่น (ซื้อเก็งกำไร PTTEP ราคาเหมาะสม 125.00 บาท, TOP ราคาเหมาะสม 55.00 บาท) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง (3Q64 avg.QTD=US$71/bbl +7%QoQ) ตอบรับปัจจัยบวกความต้องการใช้น้ำมันฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลายส่วนทั่วโลก นอกจากนี้ฤดูเฮอริเคนของสหรัฐฯ ยังส่งผลกระทบต่อการผลิตนานกว่าคาด รวมถึงการเพิ่มการผลิตของกลุ่มโอเปกบางประเทศทำได้ไม่เต็มที่เนื่องจากขาดการลงทุนใหม่ ส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานตึงตัว
ขณะที่ค่าการกลั่นล่าสุดฟื้นตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ US$5-6/bbl (3Q64 avg.QTD=US$3.75/bbl +83%QoQ) หนุนจากการเพิ่มขึ้นของ Crack Spread Jet Diesel อยู่ที่ US$7-8/bbl ตามการเปิดการบินในสหรัฐฯ ยุโรป ดังนั้นหุ้นที่ได้รับผลบวกตรง โดยเลือก PTTEP เก็งกำไรตามราคาน้ำมัน และ TOP มีสัดส่วนการผลิต Middle Distillates (Jet/Kerosene, Diesel) สูง ที่ผ่านมาถูกกดดันเนื่องจากไม่สามารถลดการผลิต Jet ลงเป็นศูนย์ได้เหมือนโรงกลั่นอื่น
นอกจากนี้แนะนำหุ้น CRC (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 38.00 บาท) Sentiment บวกจากมาตรการผ่อนคลายการควบคุมที่เริ่ม 1 ก.ย.64 การเพิ่มช่องทางการขายใหม่ ๆ ของแพลตฟอร์ม Omnichannel จะช่วยลดปัจจัยกดดันจากการระบาดหนักของโรคใน 3Q21 ได้บางส่วน (ยอดขาย Omnichannel.Food และ Omnichannel.Non-food ในช่วง 2Q21 เติบโตYoY ที่ 169% และ 71% ตามลำดับ)
ขณะที่ 4Q21 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวหลังจากการกระจายวัคซีนในประเทศไทยสูงขึ้น โดยเฉพาะรายได้ค่าเช่าจะสามารถฟื้นตัวรวดเร็ว สำหรับกลยุทธ์ถัดไปของทางบริษัทจะหันมาเน้นการขยายตจว.มากขึ้น (จากเดิมเน้นกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองท่องเที่ยว) โดยจะเน้นไปที่กลุ่มสินค้า Hard line(ไทวัสดุ และ B2S) และ กลุ่ม Food(Tops)
สำหรับแนวโน้มดัชนีวันนี้ คาดSET ผันผวนจากการ Rotate ออกจากลุ่มอิเล็กฯ, ไฟแนนท์ และ FundFlow มีแนวโน้มชะลอตัวจากเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า กลยุทธ์วาง Filter แนวรับดัชนีที่ 1,620 กรณียืนไม่ได้แนะปรับไปทยอยรับที่ 1,600 แนะนำซื้อ PTT, PTTEP, TOP และเก็งกำไร TASCO, SGP
ดัชนี SET วานนี้ปิด -0.68% ปริมาณการซื้อขาย 1.35 แสนล้านบาท สถาบันขาย 2 พันล้านบาท ต่างชาติขาย 3.9 พันล้านบาท กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ -4.89%, ไฟแนนท์ -3.43%, ค้าปลีก -1.50% แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร, พลังงาน &ปิโตรเคมี โดยเป็นสลับกลุ่มออกจาก Consumer Finance ซึ่งเทรดระดับ P/E, P/BV ค่อนข้างสูง หลังธนาคารใหญ่เริ่มรุกธุรกิจ Fintech ส่งผลให้การแข่งขันเพิ่มมากขึ้น และอัตรากำไรสุทธิมีแนวโน้มลดลง ส่วนกลุ่มค้าปลีก, ท่องเที่ยวปรับฐานลง หลังรัฐบาลประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉินต่ออีก 2 เดือน และเลื่อนการเปิดท่องเที่ยว 10 จังหวัด เป็นวันที่ 1 พ.ย. โดยสถานกาณ์Covid-19 ดีขึ้น เช้านี้รายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 9,489 ราย
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +0.21%, S&P500 -0.28%, Nasdaq -0.52%ได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงาน , ธนาคาร และอุตสาหกรรม ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับขึ้นที่ 1.50% ส่วนรายงานยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ส.ค. +1.80% ดีกว่าคาด +0.70% ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 -0.19% หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลง แต่ได้แรงหนุนจากกลุ่มธนาคาร, พลังงาน +2.80% ส่วนผลเลือกตั้งเยอรมัน พรรคโซเชียล เดโมแครต (กลาง-ซ้าย) ชนะพรรค CDU ของแมร์เคล