“ซินเน็ค” มองครึ่งปีหลังแนวโน้มเติบโตกว่าครึ่งปีแรก รับไฮซีซั่นธุรกิจ เปิดตัวสินค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟน ส่วนผลงานครึ่งปีแรกกำไรโต 24% บอร์ดอนุมัติปันผลผู้ถือหุ้น 0.20 บาท ขึ้น XD วันที่ 23
น.ส.สุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) หรือ SYNEX เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มการเติบโตมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนออกมากระตุ้นตลาด จากงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้จากการขายและบริการ 18,483.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.56% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 16,421.30 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้น 823.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.03% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 697.89 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 4.46% กำไรสุทธิ 371.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.82% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 299.66 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 2.01%
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/2561 มีรายได้จากการขายและบริการ 9,573.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.04% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 8,249.92 ล้านบาท มีกำไรขั้นต้น 391.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46.22 ล้านบาท จาก งวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 345.54 ล้านบาท มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 4.09 และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 161.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.71% จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 151.05 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.68% รายได้ที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการเติบโตของสินค้าในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าประเภทอุปกรณ์สื่อสาร อีกทั้งบริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตามความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความต้องการของลูกค้า รวมทั้งจัดกิจกรรมการตลาด เข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายทั่วประเทศ ควบคู่กับการบริหารจัดการภายใน ควบคุมค่าใช้จ่ายในอัตราที่เหมาะสม
“ผลงานครึ่งปีแรกเติบโตขึ้นเป็นที่น่าพอใจ จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมไอทีและการเปิดตัวสมาร์ทโฟน รุ่นใหม่แบรนด์ชั้นนำต่างๆ ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภค โดยซินเน็คฯ เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าไอทีอันดับหนึ่ง ให้กับแบรนด์ชั้นนำมากกว่า 50 แบรนด์ เป็น Exclusive Huawei ซึ่งมีการเติบโตสูง และในช่วงปลายปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่าย iPhone และสินค้าไอทีแบรนด์ Apple เข้ามาเสริมพอร์ต นับเป็นอีกปัจจัยสำคัญ ที่ผลักดันยอดขายของบริษัทฯ ให้เติบโตขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี ควบคู่กับการควบคุมค่าใช้จ่ายให้เหมาะสม แม้ในช่วงไตรมาส 2/2561 ถูกกดดันจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ยังสามารถทำกำไรสุทธิอยู่ในระดับที่ดีได้ ร้อยละ 2.01 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1.82%” น.ส.สุธิดา กล่าว
ด้านที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.20 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสำหรับงวด 42.55% โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 23 ส.ค.2561 และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 7 ก.ย.2561 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนไว้วางใจอย่างสม่ำเสมอ และตอกย้ำความเชื่อมั่นแผนการเติบโตของบริษัทฯ
น.ส.สุธิดา กล่าวว่า บริษัทฯ ยังเล็งเห็นเทรนด์ธุรกิจที่กำลังเติบโตและขยายเข้ามาในประเทศไทย จึงมุ่งเน้นการเพิ่มกลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ พร้อมตั้งทีมผู้บริหารและทีมงานเข้ามาดูแลอย่างเฉพาะเจาะจง ได้แก่ กลุ่ม Gaming & eSports อาทิ แบรนด์ Thermaltake, Corsair, INNO3D และอื่นๆ กลุ่ม Cloud Service เป็นการให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ที่พร้อมรองรับการทำงานของผู้ใช้งานในด้านต่างๆ กลุ่ม IoT Solutions (Internet of Things) เพื่อรองรับเทรนด์เทคโนโลยีที่กำลังเติบโต ได้แก่ Smart Class Room, Hospital Solution, Smart Factory, Concept Store และ Smart Home Office และกลุ่ม Security ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและภาคอุตสาหกรรม
สอดคล้องกับเทรนด์ธุรกิจและนโยบาย Thailand 4.0 ในปัจจุบัน ที่ขับเคลื่อนด้วยไอที รุกทั้งตลาด B2C และ B2B เสริมความแข็งแกร่งด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับตัวแทนจำหน่ายภูมิภาคกับงานสัมมนาใหญ่ประจำปี Synnex Roadmap 2018 เดินสายนำเสนอโซลูชันเพื่อการต่อยอดทางธุรกิจ และ บูธเอ็กซ์โปผลิตภัณฑ์กว่า 40 แบรนด์ ให้กับตัวแทนจำหน่ายหลักในเขตภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ในเดือนส.ค.–ก.ย.นี้ และยังมุ่งเน้นลูกค้ากลุ่มคอมเมอร์เชียลเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา รายได้จากกลุ่มคอมเมอร์เชียล เติบโตราว 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
พร้อมทั้งศึกษาความเป็นไปได้ในการรุกงานโครงการด้านไอทีโซลูชันต่างๆ ตอบสนองกลุ่มลูกค้าทั้งกลุ่มองค์กร และภาครัฐ รวมทั้งการตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ และการบริการหลังการขาย Synnex Care 1251 สำหรับตลาดต่างประเทศ มองว่ามีโอกาสเติบโตที่ดี จากความต้องการสินค้าไอทีในกลุ่มประเทศอินโดจีน โดยเฉพาะประเทศพม่า มั่นใจภาพรวมซินเน็คฯ ปีนี้ ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่กว่า 37,500 ล้านบาท หรือเติบโตมากกว่า 5,000 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 32,426.01 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นดิสทริบิวเตอร์ไอทีเบอร์หนึ่งของประเทศที่ได้รับความเชื่อมั่นมากว่า 30 ปี มีคู่ค้าและพันธมิตรอย่างเหนียวแน่น