HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่ง 261 จุด แรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงาน รับราคาน้ำมันดิบแตะสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์ หนุน WTI ยืนเหนือ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล นักลงทุนจับตาดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ด้านตลาดหุ้นยุโรปบวก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 13 กันยายน 2564
ปิดที่ 34,869.63 จุด เพิ่มขึ้น 261.91 จุด หรือ 0.76% กลบการลดลงที่ติดต่อกัน 5 วันในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวขึ้นจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นไปที่ระดับสูงสุดรอบ 6 สัปดาห์
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,468.73 จุด เพิ่มขึ้น 10.15 จุด, + 0.23%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่15,105.58 จุด ลดลง 9.91 จุด, -0.07%
ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 70.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคมปีนี้ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 73.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคมปีนี้
กลุ่มโอเปกคาดว่าความต้องการจะเพิ่มขึ้นจากการบริโภคน้ำมันทั่วโลกที่สูงขึ้นและการผลิตที่ชะงักในบางจุด
หุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 2.58% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.94% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 3.34%
แต่หุ้นโมเดอร์นาที่ลดลง 6.6% ฉุดดัชนี Nasdaq ให้ปิดลบ ส่วนหุ้นไฟเซอร์ ลง 2.22% แม้วัคซีนของบริษัทฯอาจจะได้รับการอนุมัติให้ใช้ในเด็กอายุ 5-11 ปีในสิ้นเดือนตุลาคม
จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสเดลตาเฉลี่ย 7 วันลดลงมาที่ 136,000 ราย ส่งผลให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเศรษฐกิจปรับตัวขึ้น ทั้งกลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มสายการบิน โดยหุ้นคาร์นิวัล คอร์ป เพิ่มขึ้น 2.51% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูส เพิ่มขึ้น 2.8% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 2.08% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.13%
ไบรอัน เวสบิวรี นักวิเคราะห์จาก First Trust Advisors ให้ความเห็นว่า ตลาดไม่ถือว่า overvalued แต่ก็ไม่ undervalued อีกต่อไป เศรษฐกิจทะลอตัวลงจะมีผลต่อผลการดำเนินงาน ส่วนเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะยาวเพิ่มขึ้น ขณะที่ยังมีความเสี่ยงจากการปรับขึ้นอัตราภาษีเงินได้ รวมทั้งการระบาดของไวรัสเดลตายังทำให้ต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดจึงกระทบภาคบริการ
นักลงทุนรอการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนสิงหาคมในวันอังคาร เพื่อประเมินระยะเวลาที่ธนาคารกลาง(เฟด)จะถอนมาตรการกระตุ้นและปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งก็คาดว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นปานกลาง โดย ผลสำรวจของ FactSet คาดว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 5.3% เมื่อเทียบรายปี
รวมทั้งจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 21-22 กันยายนนี้ เพื่อรอความชัดเจนการลดการซื้อพันธบัตรรายเดือนจาก 120 พันล้านดอลลาร์
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มน้ำมันก๊าซที่เพิ่มขึ้น 2.8% จากความหวังว่า การฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจยูโรโซน จะกลบความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นักลงทุนยังคงขานรับมติประชุมของธนาคารกลางสหภาพยุโรป( European Central Bank:ECB)ที่ส่งสัญญาณชะลอการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรฉุกเฉินป้องกันผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่ร้อนแรง และปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้าขึ้นหลังขยายตัวแข็งแกร่งทั่วภูมิภาค
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 467.69 จุด เพิ่มขึ้น 1.35 จุด, +0.29%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,068.43 จุด เพิ่มขึ้น 39.23 จุด, +0.56%
ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,676.93 จุด เพิ่มขึ้น 13.16 จุด, +0.20%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,701.42 จุด เพิ่มขึ้น 91.61 จุด, +0.59%