HoonSmart.com>> “อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม” ไตรมาส 2/64 รายได้รวม 453 ล้านบาท กำไรสุทธิ 47 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรเติบโต 9.95% พร้อมย้ายหุ้นเข้า SET เปิดทางนักลงทุนและกองทุนเข้าลงทุนเสริมสภาพคล่อง หวังเพิ่มสัดส่วนถือหุ้นเป็น 10-15% จาก 8% คาดทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลังปรับตัวก้าวกระโดด ลุ้นรับงานใหม่ภาครัฐ-เอกชนต่อเนื่อง ด้านราคาหุ้นเช้านี้ร่วงแรง 10% กังวล ITEL-W2 แปลงสภาพ ฉุดราคาไดรูท
นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 452.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.04% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (ไม่รวมรายการพิเศษ) และมีกำไรสุทธิ จำนวน 47.13 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิหลังหักรายการพิเศษ 42.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.95% โดยมีปัจจัยมาจากที่บริษัทฯ สามารถผลักดันรายได้จากลูกค้าที่เข้ามาใช้งานบริการโครงข่ายได้เพิ่มมากขึ้น และสามารถรักษาฐานลูกค้าในปีก่อนไว้ได้ เนื่องมาจากประสิทธิภาพและเสถียรภาพของโครงข่าย การให้บริการที่เหนือกว่าคู่แข่งขันรายอื่นในตลาด
อีกทั้งยังรับรู้รายได้จากงานโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ เช่น การทยอยรับรู้รายได้การให้บริการโครงข่ายของโครงการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล (USO Phase 2) งานจ้างเหมา ออกแบบ จัดหา และติดตั้งเคเบิลใยแก้วนำแสงให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นต้น คาดว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโตประมาณ 20-30% ตามเป้าที่วางไว้ สร้างสถิติสูงสุดใหม่
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถบริหารจัดการด้านต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในไตรมาส 2/2564 นั้น มีทิศทางของอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี อยู่ที่ 24.80% จึงมีผลให้กำไรสุทธิจากการดำเนินงานของบริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ในไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้จากงานบริการโครงข่ายซึ่งถือเป็นรายได้หลักอยู่ที่ 321.35 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 73.38% ของรายได้จากการให้บริการ เทียบกับไตรมาส 2/2563 ที่มีรายได้ 273.29 ล้านบาท เป็นผลมาจากความต้องการใช้โครงข่ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วตามเทรนด์ของโลกยุคดิจิทัล รวมทั้งเมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ภาครัฐและเอกชนต้องเร่งขยายการทำงานให้เพิ่มขึ้น เพื่อรองรับกระแส Work from Home รวมถึงการเปิดให้บริการโครงการอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ห่างไกลที่ทยอยเปิดเพิ่มขึ้น ในไตรมาส 2/2564
อีกทั้งจากการที่บริษัทฯ สามารถรักษาฐานลูกค้าได้อย่างเหนียวแน่น และมีลูกค้าใหม่เพิ่มด้วยประสิทธิภาพและความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของโครงข่ายรองลงมาเป็นการให้บริการติดตั้งโครงข่าย คิดเป็นสัดส่วน 22.01% ของรายได้จากการให้บริการ หรือมีรายได้อยู่ที่ 96.38 ล้านบาท ขณะที่รายได้จากการให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ คิดเป็นสัดส่วน 4.61% ของรายได้จากการให้บริการหรือมีรายได้อยู่ที่ 20.19 ล้านบาท ปัจจุบันอัตราการเข้าใช้งานดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มขึ้นเป็น 95%
ปัจจัยที่สนับสนุนให้มีกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ตุนไว้กว่า 3,179 ล้านบาท ย้ำความเชื่อมั่นว่า ผลประกอบการปี 2564 บริษัทฯ จะมีการเติบโตและจากงานที่ได้รับมาจะส่งผลดีต่อการใช้ประโยชน์ของโครงข่าย (Network Utilization) ที่จะเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างรอผลเสนองานกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และงาน Smart CCTV กับหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง
อีกทั้งบริษัทฯ เตรียมเข้าเสนองานพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สู่สังคมดิจิทัล เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้งานระบบออนไลน์ได้ (Course Online) โดยจะอาศัยศูนย์บริการ USONET ที่อยู่ตามพื้นที่ห่างไกลและมีระบบอินเทอร์เน็ตและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้พร้อมรองรับนักเรียนที่จะมาใช้บริการ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงโดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้
นายณัฐนัย กล่าวอีกว่า สำหรับไตรมาส 2/2564 นั้น บริษัทยังคงเดินหน้าเสนองานใหม่อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเร่งนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีไฟเบอร์ออพติกมาพัฒนาโซลูชันใหม่ เช่น Smart CCTV, Drone &Anti-Drone เพื่อเพิ่มโอกาสการสร้างรายได้ในกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ กระจายรายได้และสร้างความยั่งยืนในการเติบโต
อีกทั้งหลังจากบริษัทปรับกลยุทธ์ New S-curve ส่งผลภาพรวมธุรกิจของ ITEL จะเข้าสู่ช่วงเติบโตอย่างก้าวกระโดด และสามารถสร้างโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกภาคส่วน จึงทำให้มีกองทุนต่างๆ สนใจลงทุนในบริษัทฯ ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่บริษัทเตรียมจะย้ายหลักทรัพย์ ITEL จากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในกระบวนการทำเรื่องย้ายเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) คาดจะดำเนินการได้ภายในไตรมาส 3/2564 นี้ โดยคาดหวังสัดส่วนกองทุนถือหุ้นเป็น 10-15% จากปัจจุบันประมาณ 8% เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางด้านฐานะทางการเงิน ให้เติบโต ต่อเนื่อง และยั่งยืน
ด้านราคาหุ้น ITEL ปรับตัวลงแรง เวลา 12.20 น. อยู่ที่ 5.30 บาท ลดลง 0.55 บาท หรือ -9.40% มูลค่าการซื้อขาย 197.42 ล้านบาท จากระหว่างวันลงไปต่ำสุดที่ 5.05 บาท ลดลง 13.67% สูงสุด 5.80 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส มองราคา ITEL ที่ปรับลง 10% ไม่ใช่ประเด็นเรื่องพื้นฐาน แต่น่าจะเป็นความกังวลเรื่อง ITEL-W2 ที่อยู่ในช่วงการใช้สิทธิ ราคาใช้สิทธิเพียง 3 บาท หาก W2 แปลงสภาพทั้งหมด ราคาเป้าหมายจะ dilute จาก 6.40 เป็น 5.20 บาท ราคาตลาดปัจจุบันมี downside ต่ำมากเพราะเป็นไปได้ยากที่ warrant จะแปลงทั้งหมด