HoonSmart.com>>บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในครึ่งแรกของปี 2564 มีกำไรสุทธิ 448.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.38% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ค่านายหน้าเพิ่ม 27.60%-ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 238.50% เตรียมเปิดแพลตฟอร์มดิจิทัลเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุน
นายอารภัฏ สังขรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาพรวมผลการดำเนินงานสำหรับครึ่งปีแรกของปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 448.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 206.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 85.38% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 241.69 ล้านบาท และสำหรับผลประกอบการในงวดสามเดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 171.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.29 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 60.07% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 107.02 ล้านบาท
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสำคัญสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2564 ดังนี้ รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 289.63 ล้านบาท จาก 1,049.51 ล้านบาท เป็น 1,339.14 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27.60% เนื่องจากรายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 316.35 ล้านบาท จาก 947.19 ล้านบาท เป็น 1,263.54 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33.40%
สัดส่วนนักลงทุนบุคคลซึ่งเป็นส่วนรายได้หลักของบริษัท เพิ่มขึ้นจาก 42.92% เป็น 48.12% เป็นผลให้ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยของนักลงทุนบุคคล เพิ่มขึ้นจาก 29,447.68 ล้านบาท/วัน เป็น 47,317.71 ล้านบาท/วัน หรือเพิ่มขึ้น 60.68%
รายได้ค่านายหน้าจากการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าลดลง 26.72 ล้านบาท จาก 102.32 ล้านบาท เป็น 75.60 ล้านบาท หรือลดลง 26.11% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 45.10 ล้านบาท จาก 18.91 ล้านบาท เป็น 64.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 238.50% เนื่องมาจากค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 11.91 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาทางการเงินเพิ่มขึ้น 9.39 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมและบริการอื่นเพิ่มขึ้น 23.80 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 27.61 ล้านบาท จาก 373.89 ล้านบาท เป็น 401.50 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.38% เนื่องมาจาก รายได้ดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น 39.88 ล้านบาท กำไรและผลตอบแทนจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น 22.23 ล้านบาท และรายได้อื่นเพิ่มขึ้น 2.68 ล้านบาท ในขณะที่ รายได้ดอกเบี้ยจากเงินฝากในสถาบันการเงินและพันธบัตรรัฐบาลลดลง 37.18 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานโดยรวมของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ถือว่าน่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่ความเชื่อมั่นของตลาดและกิจกรรมการลงทุนยังคงเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง เพื่อตอบสนองความต้องการด้านการลงทุนที่เพิ่มขึ้นและมีความหลากหลายมากขึ้นของลูกค้า เราจึงได้ขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์และบริการให้ครอบคลุมหุ้นทั่วโลกและกองทุนระดับโลก และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราจะแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีโครงสร้างและแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนให้แก่ลูกค้าต่อไป” นายอารภัฏ กล่าว