“คิวทีซี เอนเนอร์ยี่”ลุ้นครึ่งปีหลังภาครัฐทยอยเปิดประมูลงานใหม่หลังจากเลื่อนมานาน พร้อมตั้งเป้าคว้างานให้ได้มากสุด หลังครึ่งปีแรก 2561 คว้า กฟภ. ลูกค้าญี่ปุ่น แล้ว รวม 200 ล้านบาท หนุน Backlog ในมือรวมกว่า 500 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ยาวถึงปี 62
นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) ผู้ผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้า เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลัง 2561 คาดว่าจะมีการเปิดประมูลหม้อแปลงไฟฟ้าของหน่วยงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่มีการเปิดประมูลล่าช้าออกมา มูลค่าการประมูลกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทจะยื่นประมูลเพื่อคว้างานให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มยอดขายหม้อแปลงในครึ่งปีหลังของปีนี้
ประกอบกับมีการทำการตลาดการขายหม้อแปลง AMORPHOUS ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ ซึ่งมีผลตอบรับที่ดีเพิ่มมากขึ้น เสริมทัพด้วยการหาช่องทางในการจัดจำหน่ายใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็ว และการหาตลาดใหม่ในต่างประเทศ ด้วยคุณภาพของหม้อแปลงไฟฟ้าทำให้บริษัทสามารถขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันประเทศญี่ปุ่นเป็นตลาดที่มียอดขายเป็นอันดับหนึ่ง รองลงมาจากออสเตเรียและมาเลเซีย QTC ยังคงเดินหน้า อย่างไม่หยุดยั้ง ในการหาตลาดที่มีศักยภาพในการสั่งซื้อ เพื่อเพิ่มยอดขายและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืน
นอกจากนี้ยังรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงาน ภายหลังการเข้าไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 8 เมกะวัตต์ มีรายได้ประมาณปีละ 140 ล้านบาท เสริมเข้ามาจากเดิมที่มีรายได้จากธุรกิจการผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงเพียงอย่างเดียว
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาการลงทุนโครงการในอนาคต เช่น โครงการโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในต่างประเทศและพลังงานน้ำ ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาในการศึกษาเพื่อความเหมาะสม และความมั่นคงทางธุรกิจของบริษัทฯ ในระยะยาว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) กล่าวเพิ่มว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ มียอดขายหม้อแปลงในมือ(backlog) กว่า 500 ล้านบาท แบ่งเป็นงานเอกชนและงานต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการส่งมอบ จำนวนกว่า 300 ล้านบาท และงานใหม่ จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค จำนวน 136 ล้านบาท ซึ่งทยอยส่งมอบเดือนเมษายน-มิถุนายนที่ผ่านจำนวน 79.20 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการทยอยการส่งมอบในช่วงที่เหลือของปีนี้อีกจำนวน 55.37 ล้านบาท รวมทั้งงานญี่ปุ่น จำนวน 30 ล้านบาท ซึ่งทยอยส่งมอบในปีนี้ 24 ล้านบาท และในปี2562 อีกประมาณ 6 ล้านบาท และได้รับการสั่งซื้อสินค้าจากลูกค้า ออสเตรเลียเพิ่มอีก 20ล้านบาทเมื่อเร็วๆนี้ ส่งมอบสินค้าทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 2/2561 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2561 ว่า บริษัทฯมีรายได้รวม 281.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.73 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 244.00 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น15.46% และมีขาดทุนสุทธิ จำนวน 13.04 ล้านบาท ลดลง 43.38 % เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดสุทธิ 23.03 ล้านบาท
ส่วนผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกปี 2561 ของบริษัทฯมีรายได้รวม 404.20 ล้านบาท ลดลง 9.73 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวม อยู่ที่ 447.80 ล้านบาท ขณะที่ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 54.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 41.19 ล้านบาทขาดทุนเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการลงทุนและการตั้งสำรองการด้อยค้า
สำหรับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมานั้น เพิ่มขึ้นจากการรับรู้รายได้การขายหม้อแปลงไฟฟ้าให้กับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการรับรู้รายได้จากธุรกิจพลังงานโซลาร์เซลล์ จากบริษัท แอล โซล่าร์ 1 จำกัด ขนาดกำลังผลิต 8 เมกะวัตต์เข้ามาเต็มปี