PTT แจ้งศาลฎีกาพิพากษาจบข้อพิพาท RPC รับเงิน 600 ลบ.

HoonSmart.com>> ศาลแพ่งนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา 2 คดีข้อพิพาท “ปตท.-อาร์พีซีจี” สั่งปตท.จ่ายค่าเสียหาย 2.2 พันล้านบาท คดีบอกเลิกสัญญา พร้อมกลับคำพิพากษาศาลแพ่งคดีค้างจ่ายค่าวัตถุดิบ ให้ RPC ชำระค่าเสียหาย 2.8 พันล้านบาท คดีสิ้นสุด ปตท.รับเงิน ุุ600 ล้านบาท ด้าน RPC เผยรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายบางส่วนในงบปี 55

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2564 ศาลแพ่งนัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกา 2 ดคีข้อพิพาทอนุญาโตตุลาการระหว่างกันของ PTT กับ บริษัท อาร์พีซีจี (RPC) ได้แก่ 1.ข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 114/2552 หมายเลขแดงที่ 23/2559 RPCG เรียกร้องให้ ปตท. จ่ายค่าเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาโดยไม่มีสิทธิ ซึ่งคณะนุญาโตตุลาการเสียงข้างมากมีคำชี้ขาดให้ ปตท. จ่ายค่าเสียหายในอัตรา 390 ล้านบาท ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 จนถึงวันที่คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาด (25 มีนาคม 2559) คิดเป็นเงินประมาณ 1,600 ล้านบาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของยอดเงินค่าเสียหายที่ได้จากการคำนวณข้างต้น นับตั้งแต่วันที่คณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดจนถึงวันที่ ปตท. ชำระเงินครบถ้วน

ต่อมา ปตท. ยื่นคำร้องต่อขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดต่อศาลแพ่ง และ อาร์พีซีจี ยื่นคำร้องขอให้บังคับตามคำชี้ขาดต่อศาลแพ่ง และเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ปตท. จึงใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกามีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลแพ่งให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ คดีถึงที่สุด เป็นผลให้ ปตท. ต้องจ่ายเงินแก่ อาร์พีซีจี เป็นจำนวนประมาณ 2,200 ล้านบาท ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา

2. ข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 78/2555 หมายเลขแดงที่ 37/2560 ปตท. เรียกร้องค่าผลิตภัณฑ์ค้างชำระจาก RPCG ซึ่งคณะอนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดโดยมติเอกฉันท์ให้ อาร์พีซีจี จ่ายเงินจำนวน 1,555,275,403.59 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 9.375 ต่อปี คิดจากต้นเงินจำนวน 1,518,108,737.16 บาท นับถัดจากวันยื่นคำเสนอข้อพิพาท (18 พฤษภาคม 2555) จนกว่าจะชำระเสร็จ และต่อมา ปตท. ยื่นคำร้องขอบังคับตามคำชี้ขาดต่อศาลแพ่ง และ อาร์พีซีจี ยื่นคำร้องขอเพิกถอนคำชี้ขาดต่อศาลแพ่ง และเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2562 ศาลแพ่งมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการปตท. จึงใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลแพ่งให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ คดีถึงที่สุด เป็นผลให้ อาร์พีซีจี ต้องจ่ายเงินแก่ ปตท. เป็นจำนวนประมาณ 2,800 ล้านบาท ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา

ทั้งนี้ ปตท. จะดำเนินการใช้สิทธิหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่ ปตท.ต้องชำระแก่ อาร์พีซีจี ในข้อพิพาทของสถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ 114/2552 หมายเลขแดงที่ 23/2559 ดังกล่าว

ด้านบริษัท อาร์พีซีจี (RPC) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2564 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ รับทราบผลการตัดสินของศาลฎีกาโดยคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ.3016/2559 และคดีหมายเลขดำที่ พ.6000/2559 พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ PTT ชำระค่าเสียหายให้แก่ RPC

ส่วนคดีหมายเลขดำที่ พ.3492/2560 และคดีหมายเลขดำที่ พ.3789/2560 ศาลฎีกากลับคำพิพากษาจากศาลชั้นต้นให้บริษัทฯ ชำระค่าวัตถุดิบ คอนเดนเสทเรสซดิ วิ (CR) ให้แก่ PTT ซึ่งกรณีนี้บริษัทฯได้รับรู้เป็นรายจ่ายบางส่วนในงบการเงินปี 2555 แล้ว

ทั้งนี้ ผลคำตัดสินของศาลฎีกาทั้งสองคดีดังกล่าวถือว่าสิ้นสุดแล้ว