เศรษฐกิจโลกในภาพรวมยังฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง ดัชนี Global Composite PMI เดือนพฤษภาคมรายงานออกมาที่ระดับ 58.4 จุด อยู่ในเกณฑ์ขยายตัวมากกว่าระดับ 50 จุด และทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบกว่า 3 ปี เป็นสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับอัตราการฉีดวัคซีนของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ที่น่าจะเกิดภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) ได้ภายในปีนี้
นอกจากนี้นักวิเคราะห์ยังได้ปรับประมาณการณ์กำไรปี 2564 และ 2565 เพิ่มขึ้นตามการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก Goldman Sachs ปรับประมาณการณ์กำไรสุทธิสำหรับภูมิภาคต่าง ๆ และอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในปี 2564 และปี 2565 เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ โดยคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วปี 2564 จะเพิ่มขึ้นอีก 7.5% และ 6.5% ตามลำดับ ถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นให้มี Upside เพิ่มขึ้น
จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกที่ดีขึ้น ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากจากปลายปีที่แล้ว กดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล และแนวโน้มการใช้นโยบายการเงินของธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อย่างไรก็ตามเฟดไม่ได้คำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อเพียงปัจจัยเดียวในการกำหนดทิศทางนโยบายการเงิน แต่เฟดคำนึงถึงการจ้างงานภายในประเทศด้วย
ปัจจุบันยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯอยู่ที่ 144.89 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าระดับการจ้างงานในช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิดประมาณ 10 ล้านคน จึงคาดว่าเฟดน่าจะยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อ และยังไม่รีบลดการอัดฉีดสภาพคล่อง (QE Taper) จนกว่าตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ จะกลับมาดีขึ้นใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด