HoonSmart.com>>“วิชญ์ สุวรรณศรี” รักษาการซีอีโอ UPA ลั่นไตรมาส 2 โตต่อเนื่อง พอร์ตโรงไฟฟ้ารับรู้รายได้เพิ่มเติม 5 MW ชะลอสร้างโรงไฟฟ้าพม่า 200 MW รอรัฐประหารสงบ-โควิดจบ เปิดแผน 5 ปี กำลังผลิตไม่ต่ำกว่า 200 MW รายได้แตะ 1,000 ล้านบาท
นายวิชญ์ สุวรรณศรี รักษาการแทน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2564ของบริษัท คาดว่าจะปรับตัวได้ขึ้นต่อเนื่อง อยู่ในระดับตัวเลขสองหลัก ภายหลังมีการรับรู้รายได้เพิ่มเติมจาก โครงการโซลาร์สหกรณ์ฯ จังหวัดอุดรธานี กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ เข้ามาเพิ่มเติม
ก่อนหน้า โครงการโซลาร์ฟาร์ม Somg Luy 1 Solar Power กำลังการผลิต 46.78 เมกกะวัตต์ ( MW ) คิดตามสัดส่วนที่บริษัทถือหุ้นที่ 83.33% หรือ 38.91 เมกะวัตต์ บันทึกรายได้ตั้งแต่ก.พ. 2564 ซึ่งจะเต็มไตรมาส 2/2564 เป็นต้นไป
“ ปัจจุบันกำไรของเราเริ่มดีขึ้น เนื่องจากรับรู้กำลังการผลิตในมือเพิ่มมากขึ้น ส่วนไตรมาสแรกของปี 2564 ไม่ผลขาดทุนของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซ ที่เมียนมา ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาอยู่ แต่ยังไงในปีนี้ เรามั่นใจว่าผลประกอบการสามารถเทิร์นอะราวด์ และมีรายได้แตะระดับ 300 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน”
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งหลังปี 2564 คาดว่าจะมีกำลังการผลิตเข้ามาเสริมในพอร์ตอีก ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และวิเคราะห์สถานะของกิจการ (Due Diligence) ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ที่เวียดอีก 8 เมกะวัตต์ คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/2564
นอกจากนี้บริษัทยังให้ความสนใจในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าต่า งๆ เพิ่มเติมอีกมาก ในบริเวณ CLMV มองว่ายังมีการเติบโตอีกมาก แม้ว่าปัจจุบันการแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้คาดว่าในปี 2564 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมดที่ประมาณ 60-70 เมกะวัตต์ จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 48 เมกะวัตต์
ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซ ที่ประเทศเมียนมา กำลังการผลิต 200 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการส่งข้อมูลสุดท้าย ก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างโรงไฟฟ้า ซึ่งได้เซ็นสัญญากับทางผู้ก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า ผู้ก่อสร้างสถานีย่อย และผู้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าเรียบร้อย มูลค่าโครงการประมาณ 10,000 ล้านบาท
สัดส่วนการลงทุน 70% กู้ยืมจากสถาบันการเงิน และอีก 30% เงินลงทุน ซึ่งบริษัทกำลังเจรจากับพันธมิตรเพื่อร่วมลงทุนในครั้งนี้ คาดว่าโรงไฟฟ้าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ ได้ประมาณ 3 ปี หลังเริ่มการก่อสร้าง หรืออาจจะเป็นปี 2568 ถ้าเกิดการล่าช้าในการก่อสร้าง และเหตุการณ์ในอนาคตที่เป็นความเสี่ยงต่างๆ
ขณะที่ธุรกิจกัญชา เพื่อใช้ในทางการแพทย์ ที่บริษัทลงทุนถือหุ้นในบริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป (GTG) โดยให้บริษัทย่อย คือ แคนนา แคร์ เข้าถือหุ้น 4.33% มูลค่าการลงทุน 77 ล้านบาท ปัจจุบันมีเป้าหมายที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์จากกัญชา เป็นผลิตภัณฑ์มาตรฐานทางการแพทย์ (Medical Grade) เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยได้เริ่มทำการเพาะปลูก และตั้งศูนย์วิจัยเป็ยที่เรียบร้อย
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่บริษัทได้เข้าซื้อกิจการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 450 ล้านบาท ในบริษัท One Central Tower ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งตามกฎหมายแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา มีที่ดินในมือประมาณ 24,179 ตารางเมตร โดยมีแผนจะทำให้เป็นเหมือนเมืองใดเมืองหนึ่ง โดยมีทั้งศูนย์การแพทย์ การศึกษา อสังหาริมทรัพย์เพื่ออาศัย ศูนย์การค้าต่าง ๆ
นายวิชญ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หุ้นของบริษัทในความคิดตอนนี้ เป็นเหมือนหุ้นหยั่งยืน ที่มีกำไรและรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ความเสี่ยงธุรกิจค่อนข้างต่ำ เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และแผน 5 ปี นับจากนี้ หรือภายในปี 2568 มั่นใจว่ากำลังการผลิตรวม (ไม่นับโรงไฟฟ้าก๊าซ 200 เมกะวัตต์) จะมีอยู่ที่ 200 เมกะวัตต์ และมีรายได้ที่ระดับ 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ธุรกิจอื่น ๆ ที่กำลังเริ่มทำอยู่ ในอนาคตข้างหน้าจะเริ่มมาช่วยให้ตัวบริษัทมีการเติบโตที่ดียิ่งขึ้นอีกมากในอนาคต
ท้ายที่สุดนี้ สัดส่วนโครงสร้างการถือหุ้นยังไม่เปลี่ยนแปลง ขอย้ำว่า UPA ยังไม่มีการถูกซื้อกิจการจากใครใดๆทั้งสิ้น บริษัทยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตทางด้านโครงสร้างพื้นฐานต่อไป