HoonSmart.com>>หวั่นเน็กเก็ตชอร์ตซ้ำเติมตลาด สร้างแรงกระเพื่อม นักลงทุนตื่นตัวลงทุนตามน้ำหนักดัชนีโลก MSCI ถอด KBANK-DTAC เจอขายต่อ ส่วน SCGP ได้สองเด้ง FTSE All World Index เลือกเข้าใหม่ พร้อม OR และเพิ่มน้ำหนัก CBG, OSP ต่างชาติขายหุ้นต่อ 2,013 ล้านบาท ทิ้งอนุพันธ์อีก 4,145 สัญญา หวั่นโควิดระบาดลากยาว โนมูระฯให้รอจังหวะร่วงแรง ซื้อกลุ่มพลังงาน-โภคภัณฑ์ บล.เอเซียพลัสแนะ MINT-SAT-STEC บล.คันทรี่ กรุ๊ป เชียร์ 9 ธุรกิจ
วันที่ 24 พ.ค. 2564 ตลาดหุ้นภูมิภาคและยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น จากดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการของสหรัฐเดือนพ.ค.ทำจุดสูงสุดใหม่ แต่ตลาดไทยยังคงปิดติดลบ 0.59 จุด ที่ระดับ 1,551.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายปานกลาง 78,740.77 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติยังคงขายต่อเนื่อง 2,013 ล้านบาท และขายอนุพันธ์อีก 4,145 สัญญา
กระแสระทึกต่างชาติลดน้ำหนักหุ้นไทยถึง 1 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 27 พ.ค. อาจจะเจอแรงขายออกมาจากส่วนที่ไม่มีใบหุ้นหรือเน็กเก็ตชอร์ตซ้ำเติม สร้างความกังวลให้แก่รายย่อย หากมีหุ้นที่ถูกลดน้ำหนักในการคำนวณดัชนี MSCI ก็ชิงขายก่อน เช่น ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ราคายังคงลดลง 2 บาท ปิดที่118.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายมากถึง 2,376 ล้านบาท และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ลดลง 0.75 บาทหรือ-2.38% ปิดที่ 30.75 บาท ส่วนหุ้นที่ถูกลดน้ำหนัก ก็อ่อนตัวลง เช่น PTT, SCC, CPALL
ขณะเดียวกันยังมีแรงซื้อหุ้น บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง(SCGP) และ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป(CBG) ทำให้ราคาปรับตัวขึ้นโดดเด่น ผลจากการ MSCI Global Standard Index ได้เลือกให้ SCGP เข้าใหม่ คาดเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 104 ล้านเหรียญฯและ CBG +48 ล้านเหรียญฯ สอดคล้องกับน้ำหนักของ FTSE All World Index ที่เลือก SCGP เข้าใหม่ พร้อมกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก(OR) และ เพิ่มน้ำหนัก CBG 11 ล้านเหรียญฯ, OSP 8 ล้านเหรียญฯ ส่วนหุ้นที่ลดน้ำหนัก BBL-R, PTT, SCC, CPALL, AOT, SCB, KBANK-F ตัวละ -13 ถึง -5 ล้านเหรียญฯ
บล.โนมูระพัฒนสินคาดตลาดถูกกดดันจาก MSCI ลดน้ำหนักหุ้นไทย และการพบโควิดสายพันธุ์อินเดียและแฟริกาในไทย ทำให้กังวลการแพร่ระบาดจะลากยาว กลยุทธ์แนะนำย่อแรง เป็นจุดทยอยซื้อสะสม เลือกรายกลุ่ม เน้นกำไรโต และ Global Play อาทิ พลังงาน ปิโตรเคมี โภคภัณฑ์ ส่งออก และกลุ่มประกัน ให้น้ำหนักการลงทุนที่ 50%
บล.เอเซีย พลัส จัดพอร์ตการลงทุนในสัปดาห์นี้ (24-28 พ.ค. 64) คาดดัชนีจะผันผวน แต่หลังจากนั้นจะฟื้นตัวต่ออีกครั้งตามภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 1/2564ที่ดีกว่าคาด จึงแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี ลงหุ้นไทย 35%และหุ้นต่างประเทศ 35% ในส่วนหุ้นไทยแนะนำ MINTราคาเป้าหมาย 34 บาท จากขาดทุนเริ่มลดลง ,SAT มูลค่า 24 บาท กำไรขยายตัวต่อในไตรมาสที่ 2 และ STEC ให้เป้าหมาย 18 บาท พื้นฐานแข็งแกร่ง ยังคงเป้าหมายรายได้รวมปีนี้ ไม่ต่ำกว่า 3.7 หมื่นล้านบาท
บล.คันทรี่ กรุ๊ป มองข้ามโควิด-19 ระบาดรอบ 3 และกำไรบจ.อ่อนแอในไตรมาส 2 ตลาดมีโอกาสที่ดีจากการกระจายวัคซีน และปี 2565 เชื่อจะเป็นปีแห่งการค่อยๆฟื้นตัว จึงคงมุมมองทยอยสะสมหุ้น ค้าปลีก (BJC,CPALL, CRC, HMPRO) ร้านอาหาร (M) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) ศูนย์การค้า (CPN) รถไฟฟ้า (BEM,BTS) เครื่องดื่ม (TACC) ส่วนเก็งกำไรระยะสั้นยังมองหุ้นอิงรายได้ต่างประเทศเป็นหลักน่าสนใจกว่า (ASIAN, MEGA, MINT, IVL, TU) Global Play (PTT, PTTEP, PTTGC) รับเหมาก่อสร้าง (CK,STEC) สัปดาห์นี้จะมีการประมูลรถไฟรางคู่บ้านไผ่ – นครพนม