HoonSmart.com>>กสิกรไทย ระบุการเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส เป็นปัจจัยหลักกระตุ้นเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 2% ปีหน้าแตะ 4.7% เงินบาทสิ้นปีแข็งค่าที่ 29.80 บาทต่อดอลลาร์ ยอมรับการระบาดรอบ 3 หนุนเงินไหลเข้าตลาดตราสารหนี้มากกว่าตลาดหุ้น
นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขึ้นกับปัจจัยสำคัญ คือการกระจายและฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการระบาดของโควิค19 โดยหากรัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนได้ 100 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ จะทำให้จีดีพีของไทยปีนี้ ขยายตัวได้ 2.0 % และปี 2565 ขยายตัว 4.7% แต่หากฉีดวัคซีนได้ 65 ล้านโดส จีดีพีปีนี้จะโต 1.5% ปี 2565 โต 2.8% และถ้าฉีดวัคซีนได้น้อยกว่า 65 ล้านโดส จีดีพีไทยปีนี้จะโต 1.0% ปี 2565 โต 1.1%
ซึ่งการระบาดของโควิคในช่วงที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการไหลเข้าของเงินทุน ทำให้เงินที่ไหลเข้าจะลงทุนในตลาดตราสารหนี้มากกว่าตลาดหุ้น ผลจากการฉีดวัคซีนที่ล่าช้ากว่าประเทศพัฒนาแล้ว ทำให้กระทบต่อเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ
นอกจากนี้ยังส่งผลต่อค่าเงินบาท ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับภูมิภาค เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งการส่งออกและการท่องเที่ยวเป็นหลัก เมื่อทั้ง 2 ปัจจัยได้รับผลกระทบ ทำให้เงินบาทในปี 2563 ที่ผ่านมาอ่อนค่า ลงประมาณ 10% แม้ปีนี้จะปรับตัวแข็งค่าขึ้น 1.8% แต่ยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น
สำหรับการส่งออก ปัจจุบันมีทิศทางที่ดีขึ้นจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่เริ่มกลับมาขยายตัว หลังการฉีดวัคซีนและการท่องเที่ยวก็มีแนวโน้มผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ทำให้กสิกรไทยคาดว่าเงินบาท ณ สิ้น มิ.ย. จะอยู่ที่ 31.1 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และสิ้นปีนี้จะแข็งค่าขึ้นแตะ 29.75-29.80 บาทต่อดอลลาร์ หากการฉีดวัคซีนทำได้ตามแผน
“ดุลบัญชีเดินสะพัดที่ลดลงเหลือเพียง 4 พันล้านดอลลาร์จากที่เคยสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ปัจจัยหลักมาจากดุลบริการ หรือภาคการท่องเที่ยวที่ลดลง แต่ในเดือนเม.ย.และพ.ค. มีปัจจัยที่กดดันเพิ่ม ได้แก่ ฤดูกาลการจ่ายเงินปันผล ทำให้บริษัทต่างชาติ ส่งเงินกลับประเทศ โดยสัปดาห์นี้จะมีประมาณ 8,00-9,000 ล้านบาท สัปดาห์หน้า 6,500 ล้านบาท “ นายกอบสิทธิ์ กล่าว