MINTแกร่ง! พร้อมวิ่ง ครึ่งปีหลัง หั่นรายจ่ายลดฮวบ เงินเต็มกระเป๋า

HoonSmart.com>>”ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล” ลั่นเทค ออฟ ไตรมาส 3 และ 4 นี้ โรงแรมยุโรปเปิดให้บริการ อัตราการเข้าพักแตะจุดคุ้มทุนเร็ว เร่งลดต้นทุน ตัดงบลงทุนปีนี้ถึง 52% ปีหน้าลงอีก 30% มีสภาพคล่องสูง อยู่สบาย 1-2 ปี อัตรากำไรสูงขึ้น หุ้นวิ่งรับอนาคตสดใส 

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และ 4 จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เพราะการกระจายวัคซีนโควิด-19 ในยุโรปเร็วขึ้น โดย 70% ของประชากรผู้ใหญ่จะได้รับการฉีดวัคซีนภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ และจะเริ่มผ่อนคลายการเดินทางลงอีกตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ค.-ต้นเดือนมิ.ย.2564  ซึ่งน่าจะเห็นอัตราการเข้าพักเพิ่มขึ้น แตะจุดคุ้มทุนในไม่ช้า ขณะที่โรงแรมในออสเตรเลียและมัลดีฟส์ฟื้นตัวดี ส่วนประเทศไทย การเปิดประเทศอย่างค่อยเป็นค่อยไป เริ่มต้นจาก จ.ภูเก็ตวันที่ 1 ก.ค.นี้ ทั้งนี้ธุรกิจโรงแรมในยุโรป และไทยเป็นแรงกดดันให้บริษัทขาดทุนมากในไตรมาสแรก ขณะที่ธุรกิจอาหารทำกำไรได้ดี 3 ไตรมาสที่ผ่านมา

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์กล่าวว่า บริษัทจะมีอัตรากำไรดีขึ้นมาก โดยยังคงดำเนินการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการลงทุน ในไตรมาส 1/2564 บริษัทสามารถลดต้นทุนได้ถึง 36% โดยเฉพาะเรื่องคนลดลง 45% ค่าเช่าลดลง 76% ค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก 26% พร้อมชะลอแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี2563 ลดได้ 30% ปีนี้คงจะลดลงถึง 50% จากเดิมตั้งไว้ 1 หมื่นล้านบาท ลดลงเหลือ 4,000 ล้านบาท และปีหน้าลดลงอีก 30-35% จากแผนลงทุน 5 ปีเดิม เพื่อบริหารกระแสเงินสด ช่วยรักษาสภาพคล่องด้วย การลดต้นทุนทำให้จุดคุ้มของธุรกิจโรงแรมดีขึ้น อัตราเข้าพักเพียง 32-39% ก็อยู่ได้แล้ว ไตรมาส 1 อยู่ที่ 21% ยังขาดทุน เพราะโรงแรมยุโรป อัตราเข้าพักเพียง  14% จากจุดคุ้มทุนที่ 33-34%

” เรามีกระแสเงินสดดีขึ้น จากที่ไหลออกสูงสุดในไตรมาส 2 ปีก่อน ประมาณ 8.7 พันล้านบาท หลังจากนั้นค่อยๆลดลงมาตลอด 4.7 พันล้านบาท 3.2 พันล้านบาท ปัจจุบันเหลือประมาณ 1 พันล้านบาท/ เดือน ดีขึ้นมากทุกไตรมาส ไตรมาส 4 ปีก่อนอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท/ เดือน สภาพคล่องเหลือเลี้ยงตัวได้ 1-2 ปี  มีเงินสดในมือ 2.1 หมื่นล้านบาท วงเงินสินเชื่อแบงก์อีก 2 หมื่นล้านบาท เพียงพอที่จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้  แม้ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อก็ตาม”

นอกจากนี้บริษัทยังมีทรัพย์สินที่มีคุณภาพดีเกือบ 60 ชิ้น มูลค่ากกว่า 1 แสนล้านบาท เลือกขาย 4-5 ชิ้น ตอนนี้มีความคืบหน้าคาดว่าจะจบลงในไตรมาส 2 และ 3 จะได้เงินเข้ามา 1-1.5 หมื่นล้านบาท โดยบริหารรับจ้างบริหารสินทรัพย์ หรือเช่ามาบริหาร เพื่อสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ รวมถึงยังมีการแปลงวอแรนต์ชุดที่ 7-9 ในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะมีทุนเข้ามา 1.5 หมื่นล้านบาท และในปีนี้ยังวางแผนออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงิน 6,000 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.95-1.88 เท่า

“ตอบไม่ได้ว่า ไตรมาส 2 จะขาดทุนมากกว่าไตรมาส 1 หรือไม่ แต่เห็นแนวโน้มระยะกลางและยาวดีขึ้น  โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมในยุโรป  ส่วนการดำเนินงานและกลยุทธ์หลังโควิดคลี่คลาย  ธุรกิจโรงแรมก็พัฒนาแบรนด์ต่อไปให้ติดหู ใช้ดิจิทัลมาทำให้รู้ถึงความต้องการของลูกค้า และให้บริการตรงจุด ส่วนธุรกิจอาหาร แพลตฟอร์ม เดลิเวอรี่ก็เข้ามาช่วยได้มากและให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการซ้ำ”

นายชัยพัฒน์ กล่าวว่า ธุรกิจไลฟ์สไตล์ จะใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลการบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มการซื้อผ่านช่องทาง Omni Channel มีแผนจะร่วมมือกับแพลตฟอร์มการขายออนไลน์รายใหม่ เพื่อขยายฐานลูกค้า

ด้านการซื้อขายหุ้น MINT  คึกคักอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบริษัทจะประกาศผลขาดทุนสุทธิมากกว่า 7.2 พันล้านบาทในไตรมาส 1/2564 ก็ตาม ส่งผลให้ราคาหุ้นขยับจากระดับ 28 บาท ขึ้นมาปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ 31.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาทหรือ 5.88% ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 1,326 ล้านบาท ณ วันที่ 18 พ.ค. 2564