GPSC คาดงบการเงินดีขึ้นครึ่งปีหลัง จากการตีมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ GLOW ใหม่ ส่วนต่างบันทึกเป็นค่าความนิยม คาดซื้อหุ้นใหญ่ล็อตแรก 69% เสร็จไตรมาส 3 หรือ 4 ที่เหลืออีกเกือบ 31% เสร็จปลายปี เงินลงทุนมาจากกู้แบงก์ 1 แสนล้าน ยืมจาก PTT-PTTGC 3.5 หมื่นล้าน ส่วนโรงไฟฟ้าของบริษัทถึงเวลาปิดซ่อมบำรุง กำไรสุทธิไตรมาส 2 และครึ่งปีโตมากกว่า 20%
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 409 ล้านบาทหรือ ประมาณ 26.15% เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,564 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มครึ่งปีหลัง คาดว่าการซื้อหุ้น บริษัท โกลว์ พลังงาน (GLOW)จำนวน 69.11% อาจสำเร็จในไตรมาส 3 หรือ 4 ส่วนที่เหลืออีก 30.89% จะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4 หากการซื้อสำเร็จจะสะท้อนมายังงบการเงินรวมของบริษัท ซึ่งจะมีการบันทึกบัญชีโดยตีค่าจากมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์มีตัวตนและไม่มีตัวตนของ GLOW และผลต่างของมูลค่ายุติธรรมจะถูกบันทึกเป็นค่าความนิยมต่อไป
อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าศรีราชาจะมีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนเกือบตลอดทั้งไตรมาส 4 และโรงไฟฟ้า IRPC-CP จะหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาส 4 เช่นกัน นอกจากนี้ โรงผลิตสาธารณูปการระยองจะมีการหยุดซ่อมบำรุงทั้งในไตรมาสที่ 3 และ 4
ในส่วนสถานการณ์ด้านพลังงานในช่วงครึ่งปีหลัง คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ประจำงวดเดือนก.ย.-ธ.ค. 2561 ไว้ที่ -15.90 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมค่าไฟฟ้า
ฐานที่ 3.76 บาททำให้ค่าไฟฟ้างวดใหม่มีค่าเท่าเดิมคือ 3.5966 บาทต่อหน่วย (ไม่รวม VAT)เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค แต่ยังไม่มีแนวทางช่วยเหลือทางด้านผู้ผลิตแต่อย่างใด
สำหรับแหล่งเงินทุนที่จะนำมาซื้อหุ้น GLOW ครั้งนี้ บริษัทฯ จะใช้เงินกู้ระยะสั้นไม่เกิน 12 เดือน จากสถาบันการเงินในวงเงินประมาณ 105,000 ล้านบาท และจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ ได้แก่ บริษัท ปตท.(PTT)
และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC)จำนวน 35,000 ล้านบาท สำหรับแผนการจ่ายคืนเงินกู้ระยะสั้น บริษทวางแผนที่จะเพิ่มทุนและใช้เครื่องมือทางการเงิน วงเงินโดยประมาณ 68,500 ล้านบาท ซึ่งจะนำเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อขออนุมัติในช่วงไตรมาส 1/2562
“การซื้อหุ้น GLOW ในราคาหุ้นละ 94.892 บาทหลังหักเงินปันผล 1.608 บาท ส่งเสริมการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามกลยุทธ์ ในด้าน Inorganic Growth ซึ่งนอกจาก GLOWจะมีขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้าสูง และยังมีสัดส่วนโรงไฟฟ้าประเภทโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก หรือ SPP ที่สูงแล้ว บริษัทฯ ยังคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการรวมธุรกิจเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มต่อยอด ด้วยการเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจจากการเติบโตของกำลังการผลิตตามสัดส่วนผู้ถือหุ้นที่จะเพิ่มขึ้นทันที 2,895 เมกะวัตต์ ทำให้กำลังการผลิตรวมของบริษัทฯ เท่ากับ 4,835 เมกะวัตต์ รวมทั้งกำลังการผลิตในส่วน SPP จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,301 เมกะวัตต์ “บริษัทฯ ระบุ
นอกจากนั้นบริษัทฯยังมีการลงนามในสัญญากับบริษัท พีทีที โพลีเมอร์ โลจิสติกส์ ( PTTPL) เพื่อรับจ้างงานออกแบบ จัดหาและติดตั้ง หรือ EPC ระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) กำลังการผลิต 2 เมกะวัตต์ และระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System หรือ BESS) ขนาด 625 กิโลวัตต์-ชั่วโมง นับเป็นหนึ่งในโครงการที่กำลังพัฒนาเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางด้านธุรกิจระบบกักเก็บพลังงาน ที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญมาโดยตลอดเพื่อต่อยอดความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ
ทางด้านผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2561 กำไรสุทธิ 1,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 237 ล้านบาท เติบโตประมาณ 29.11% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 814 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 130 ล้านบาทหรือ 14% จากไตรมาส 1 เนื่องจากโรงไฟฟ้ามีผลประกอบการที่ดีขึ้น จากรายได้ค่าความพร้อมจ่าย ( AP) ของโรงไฟฟ้าศรีราชาที่เพิ่มขึ้น ปริมาณการขายไฟฟ้าของโรงผลิตสาธารณูปการระยอง และโรงไฟฟ้าไออาร์พีซี คลีน พาวเวอร์ (IRPC-CP) เพิ่มขึ้น ประกอบกับโรงไฟฟ้าอิจิโนเซกิ โซล่า พาวเวอร์ 1 จีเค (ISP1) รับรู้กำไรจากการขายไฟฟ้าตามปกติ เนื่องจากสภาพอากาศของประเทศญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 1 มีหิมะตกค่อนข้างมาก
“กำไรไตรมาส 2 ปีนี้ ดีกว่าไตรมาส 2/2560 สาเหตุหลักมาจากโรงไฟฟ้า IRPC-CP ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มทั้ง 2 ระยะ ตั้งแต่เดือนพ.ย.2560 รวมทั้งค่า Ft ที่เพิ่มขึ้น และจากปริมาณการขายไฟฟ้าและไอน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากลูกค้ารายหลักของโรงผลิตสาธารณูปการระยอง หยุดซ่อมบำรุงตามแผนในไตรมาสที่ 2/2560”