HoonSmart.com>> บลจ.กรุงไทย เปิดขายกองทุน KTGF1Y21 ลงทุนตราสารหนี้ทั่วโลก IPO ตั้งแต่ 11-19 พ.ค.นี้ เพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนท นอกเหนือจากฝากเงินหรือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ
นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า นอกจากกองทุนเปิดเคแทม ไชน่า บอนด์ ฟันด์ ที่เจาะตลาดตราสารหนี้จีนโดยเฉพาะเป็นกองแรกในประเทศไทยและกำลังเปิดเสนอขายอยู่ในเวลานี้แล้วนั้น บริษัทยังเปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลกควบคู่ไปพร้อมกันด้วยเพื่อเติมเต็มทางเลือกให้แก่นักลงทุน โดย กองทุนเปิดกรุงไทย โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม 1Y21 (KTGF1Y21) นี้จะเปิดเสนอขายตั้งแต่วันที่ 11-19 พ.ค.2564 ผู้ที่สนใจสามารถเริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำที่เพียงแค่ 1,000 บาท เท่านั้น
กองทุน KTGF1Y21 เป็นกองทุนรวมตราสารหนี้ มีอายุโครงการประมาณ 1 ปี เป็นซีรีส์ที่ 21 ของกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลกที่บริษัทเปิดขายมาตั้งแต่ปี 2563 มีนโยบายเน้นลงทุนในทรัพย์สินประเภทตราสารหนี้ รวมกันทุกขณะไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนมี นโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก และ/หรือตราสารการเงินที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารอยู่ในอันดับ ที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) และ/หรือลงทุนในหน่วย CIS ของกองทุนรวมที่มีนโยบายการลงทุนในทรัพย์สินประเภท ตราสารหนี้
อย่างไรก็ตาม กองทุนอาจพิจารณาลงทุนในตราสารแห่งหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหรือของผู้ออกตราสารต่ำกว่า ที่ สามารถลงทุนได้ (non – investment grade) และ/หรือตราสารแห่งหนี้ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Unrated Securities) ไม่เกินร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ กองทุนจะพิจารณาลงทุนในหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินที่เสนอขายในต่างประเทศ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน มีกลยุทธ์การลงทุนแบบครั้งเดียว (buy-and-hold) เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการแสวงหาโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศภายในระยะเวลาประมาณ 1 ปี
หน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ ที่คาดว่าจะมีการลงทุนเกินกว่าร้อยละ 20 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนของกองทุน KTGF1Y21 คือ กองทุน Invesco Asian Bond Fixed Maturity Fund 2022 VIII ที่บริหารโดย Invesco บลจ.ระดับโลก โดยเน้นลงทุน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวมในตราสารหนี้ ในภูมิภาคเอเชียที่อยู่ในสกุลเงิน USD ที่ออกโดยผู้ออกตราสารที่ถูกพิจารณาคัดเลือกโดยดุลยพินิจของผู้จัดการ (เช่น รัฐบาล หน่วยงานรัฐบาล องค์การระหว่างประเทศที่มีลักษณะเหนือรัฐ (Supranational Entities) กลุ่มบริษัท สถาบันการเงิน และกลุ่มธนาคาร) ซึ่งอาจรวมถึงผู้ออกตราสารที่อยู่ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ และกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ในกองทุนนี้ หมายถึง ประเทศทุกประเทศในทวีปเอเชีย ยกเว้นประเทศญี่ปุ่น แต่รวมถึง ประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
นางชวินดา กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันสภาวะดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนผ่านการฝากเงินหรือตราสารหนี้ภายในประเทศเพียงอย่างเดียวอาจไม่ดึงดูด การกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศเพิ่มเติมจึงช่วยเพิ่มตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น และยังช่วยเพิ่มผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนที่สามารถถือครองการลงทุนเป็นระยะเวลา 1 ปีได้มากกว่าการเน้นลงทุนภายในประเทศเพียงอย่างเดียว
นอกจากนั้น บริษัทยังมีความพยายามในการหาสินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทางเลือกการลงทุนที่มากขึ้นในอนาคต รวมถึงส่งเสริมการจัดสรรเงินโดยการกระจายสินทรัพย์ Asset Allocation เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงของการลงทุนไม่ให้กระจุกตัวอีกด้วย โดยเชื่อว่า การมีกองทุนให้ผู้ลงทุนได้เลือกตามความเสี่ยงที่รับได้ จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงทุนได้เป็นอย่างดีในสถานการณ์ปัจจุบัน