HoonSmart.com>> “เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์” เคาะราคาไอพีโอ 12 บาท P/E 17.9 เท่าให้ส่วนลด 45% เปิดจอง 11-13 พ.ค.นี้ คาดเข้าเทรด SET ในวันที่ 19 พ.ค.2564 นำเงินคืนเงินกู้สถาบัน-หมุนเวียนในกิจการ-ลงทุนโครงการใหม่ ที่มีกำลังการผลิต 21 ตันต่อวัน รองรับรายได้ 1.2 พันล้านต่อปี คาดเริ่มผลิตได้เต็มในปี 2566
นางยอดฤดี สัตตติกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ หัวหน้าสายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ในฐานะแกนนำผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ (NSL) เปิดเผยว่า NSL เสนอขายหุ้นแก่ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 75 ล้านหุ้น วันที่ 11-13 พ.ค.นี้ กำหนดราคาหุ้นละ 12 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ (P/E) ที่ 17.9 เท่า มีส่วนลดประมาณ 45% เมื่อเทียบกับ P/E ของกลุ่มที่ประมาณ 27.4-32.4 เท่า คาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 19 พ.ค.2564 ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
“จากผลของการโรดโชว์ให้กับนักลงทุนสถาบัน ได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยให้ความสนใจจองล้นกว่า 7 เท่า จากที่เราจัดสรรให้เพียง 7 ล้านหุ้น มีจุดเด่นด้านรายได้ที่เติบโตสม่ำเสมอ มีการคิดค้นผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ คาดว่าจะตอบโจทย์กับนักลงทุนที่มองหาหุ้นยั่งยืน” นางยอดฤดี กล่าว
ด้านนายสมชาย อัศวปิยานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ (NSL) ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป (แซนวิชอบร้อน เบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว) นำเข้าและจำหน่ายเนื้อสัตว์ และผักแช่แข็ง เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์การใช้เงิน บริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินประมาณ 350 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 200 ล้านบาท และใช้ลงทุนโครงการใหม่ในอนาคตอีก 350 ล้านบาท (ก่อสร้างอาคาร 240 ล้านบาท และซื้อเครื่องจักร 110 ล้านบาท)
สำหรับโครงการใหม่บริษัทจะรองรับรายได้สูงสุด 1,200 ล้านบาทต่อปี หรือ 21 ตันต่อวัน คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปี 2565 ระยะเวลาก่อสร้าง 1 ปี โดยจะสามารถผลิตสินค้าได้เต็มกำลังการผลิตภายในปี 2566 เน้นผลิตสินค้า ได้แก่ 1.อาหารแช่แข็งพร้อมรับประทาน เช่น ซุป อาหารแช่แข็ง เช่น มีทบอล ซอสต่างๆ 2.อาหารพร้อมรับประทานแบบไม่ต้องแช่แข็ง เช่น แกงต่างๆ 3.อาหารกึ่งพร้อมรับประทาน เช่น โจ๊กคัพ ซุป
นอกจากนี้บริษัทกำลังวิจัย และพัฒนา การนำกัญชงและกัญชามาเป็นส่วนผสม ในการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้
ด้านนายอัครเดช เลี่ยมเจริญ ผู้อำนวยการด้านบัญชีและการเงิน NSL เปิดเผยว่า ผลประกอบการในระยะเวลา 3 ปีย้อนหลัง (ปี 2561-2563) มีรายได้รวมที่ 3,137.1 ล้านบาท 3,373.5 ล้านบาท และ 2,927.6 ล้านบาท ตามลำดับ ถึงแม้รายได้ปี 2563 จะลดลงประมาณ 13% จากผลกระทบโควิด-19 แต่บริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกำไรสุทธิ 3 ปีย้อนหลังที่ 73 ล้านบาท 156 ล้านบาท และ 151 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งอัตรากำไรสุทธิของปี 2563 ที่ 5.20%
บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 50% โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามอาจจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลแตกต่างไปจากนโยบายที่กำหนดไว้ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลประกอบการ ฐานะการเงิน สภาพคล่องทางการเงิน ความจำเป็นในการใช้เงินเพื่อบริการกิจการ และขยายธุรกิจ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจ
“เรามีความสามารถในการชำระคืนเงินกู้อย่างดี จากปีก่อนมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ 276.8 ล้านบาท โดยมีภาระที่ต้องชำระเงินกู้ระยะยาวและหนี้สินตามสัญญาเช่าของปี 2564 ที่ 109.9 ล้านบาท และปี 2565-2568 รวม 286.7 ล้านบาท เรามีความสามารถที่จะจ่ายปันผลแก่ผู้ถือหุ้นได้ตามนโยบายที่กำหนดไว้” นายอัครเดช กล่าว