HoonSmart.com>>วันที่ 1 เม.ย.2564 ดัชนีหุ้นวิ่งเข้าเป้าหมายแรกไปแล้ว 1,600 จุด ก่อนปิดที่ระดับ 1,595.12 จุด เพิ่มขึ้น 7.91 จุด บล.เอเซียพลัส และบล.ทรีนีตี้มองตลาดเดือนเม.ย.ไปต่ออย่างแน่นอน
บล.เอเซียพลัสแนะให้คงน้ำหนักหุ้นไทยไว้ที่ 35% (มากกว่าตลาดฯ) กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีมูลค่าน่าสนใจ และยังได้แรงขับเคลื่อนมาตรการภาครัฐ เสนอ 7 หุ้นเด่น BBL, CENTEL, BDMS, STEC, SCC, SPALI และ BLA ที่สวยทั้งภายใน (Valuation ดี) และภายนอก (มีปัจจัยสนับสนุน) พร้อมกับได้ประโยชน์หากตลาดฯ เปลี่ยนวีธีการคำนวณดัชนีฟรีโฟสท โดยตั้งเป้าหมายดัชนีสิ้นปีนี้ที่ 1,670 จุด
สาเหตุที่มั่นใจว่าหุ้นไทยไปต่อได้ เพราะมีหลายปัจจัยที่คอยหนุนให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าอย่างต่อเนื่องในระยะกลาง-ยาว เศรษฐกิจไทยที่ทยอยฟื้นตัว และมีสภาพคล่องส่วนเกิน(เงินฝากในระบบมีกว่า 15.72 ล้านล้านบาท) เริ่มเห็นการเคลื่อนย้ายเข้าสู่หุ้นมากขึ้น ช่วยหล่อเลี้ยงดัชนีหุ้นให้ปรับตัวขึ้นต่อได้ ล่าสุดเดือน ก.พ. 2564 มียอดการเปิดบัญชีซื้อขายใหม่ถึง 2.7 แสนบัญชี (สูงเกินกว่า 800% ของปริมาณการเปิดบัญชีใหม่ต่อเดือนในอดีต) ขณะเดียวกันการลงทุนผ่านกองทุนรวมมีการให้น้ำหนักกับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเช่นกัน
“ยังเห็น Momentum การย้ายเม็ดเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัยมาสู่หุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่สูง เพราะว่าบอนด์ยีลด์ระยะยาวปรับตัวขึ้นเร็ว แต่ระยะสั้นยังอยู่ในระดับต่ำใกล้เคียงกับดอกเบี้ยนโยบายมานานกว่า 8 เดือน ซึ่งตามสถิติในอดีตช่วงหลังปี 2552 เวลาบอนด์ยีลด์ระยะยาวขยับขึ้น พร้อมๆ กับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นยังอยู่ในระดับต่ำ มักจะตามมาด้วยตลาดหุ้นที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น”บล.เอซียพลัสระบุ
ส่วนสภาพคล่องส่วนเกินจะส่งผลดีต่อหุ้นเกือบทุกกลุ่ม และแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนปี 2564 คาดฟื้นตัวเด่นกว่า 32% อีกทั้งปลายเดือน เม.ย. มักจะมีแรงเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นปันผลเสมอ ตามสถิติในอดีตย้อนหลัง 10 ปี หุ้นเดือนเม.ย.ปรับตัวขึ้นเฉลี่ยสูงสุดเมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆที่ 3.1%
ด้านบล.ทรีนีตี้มองสภาพคล่องในประเทศสูง จะทำให้นักลงทุนรายย่อยคงมีส่วนร่วมอยู่ในตลาดอยู่ในระดับสูง ส่งให้หุ้นขนาดกลางและเล็กมีโอกาสปรับตัวขึ้นสูงกว่าหุ้นขนาดใหญ่ได้ในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดที่ปรับขึ้นมาบนความคาดหวังเชิงบวกได้อยู่ในราคาไปพอสมควรแล้ว กลยุทธ์ในเดือนเม.ย.ต้องเลือกลงทุนในธีมที่น่าสนใจ เช่น การเปิดประเทศ ต้องมีมูลค่ายังถูกอยู่ กลุ่มปั๊มน้ำมันแนะ OR และ PTG ส่วนกลุ่มที่คาดจะถูกเลือกเข้าดัชนี SET 50 ในครึ่งปีหลัง ได้แก่ STGT,IRPC,STA
ด้านตลาดหุ้นวันที่ 1 เม.ย.ที่ถีบตัวขึ้นแตะ 1,600 จุด จากแรงซื้อหุ้นใหญ่ อาทิ DELTA พุ่งแรง 11.72% กลุ่มพลังงาน และธนาคารขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,047 ล้านบาท สถาบันซื้อสุทธิ 593.70 ล้านบาท
ตลาดปรับตัวขึ้นตามตลาดภูมิภาค ขานรับแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ครอบคลุมการใช้จ่าย 2 เฟสในระยะเวลา 8 ปี แต่มีความกังวลว่าสหรัฐฯอาจปรับขึ้นภาษีนิติบุคคล นักลงทุนติดตามการประชุมโอเปกพลัสในวันนี้ 1 เม.ย. ซึ่งตลาดคาดว่าจะคงกำลังการผลิตน้ำมันต่อไป