HoonSmart.com>> “เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์” เตรียมขยายฐานลูกค้าในประเทศ-ต่างประเทศ จากออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ตั้งเป้ารายได้ปี 64 เติบโต 20% เตรียมเพิ่มสาขา PACO AutoHub หนุยรายได้โตตามเป้า คาดปีนี้เปิดทะลุ 200 สาขา พร้อมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ตอบโจทย์ EV Car คงเป้าอัตรากำไรสุทธิระดับ 11% ส่วนราคาหุ้นเปิดพุ่งแรง 150% จากราคาไอพีโอ 1.40 บาท ผู้บริหารให้สัญญาจะเติบโตขึ้นอีกมากในอนาคต
นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ (PACO) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2564 เติบโต 20% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ประมาณ 682.42 ล้านบาท โดยการเติบโตมาจากการที่บริษัทขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น จากการออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ ตามตลาดอุตสาหกรรมรถยนต์ที่เปลี่ยนไป และการขยายไปยังตลาดต่างประเทศมากขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 30 ประเทศ และมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 53%
ขณะที่การขยายสาขาในโครงการ PACO AutoHub จะเป็นตัวช่วยให้บริษัทมีรายได้ที่เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ จากการที่เป็นที่รู้จักมากขึ้นในตลาด และการช่วยขยายฐานลูกค้า ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาในปีนี้เพิ่มเป็น 200 สาขา จากปัจจุบันมีประมาณ 150 สาขา ถ้าทะลุเป้าหมายที่วางไว้ บริษัทคาดว่าจะมีการปรับเป้าขยายสาขาเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้บริษัทกำลังดำเนินการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เกี่ยวกับ Battery Cooler ที่ใช้ในรถยนต์ EV Car ซึ่งบริษัทคาดว่าในอนาคตจะเป็นตัวช่วยหนุนการเติบโตที่ดีขึ้นให้กับบริษัท เนื่องจากมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง และคู่แข่งในตลาดยังมีน้อย ถึงแม้ว่าปัจจุบันมูลค่าการส่งออกยังมีไม่เยอะก็ตาม โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้คาดว่าจะสามารถออกสู่ตลาดได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งมีลูกค้าจากต่างประเทศให้ความสนใจแล้ว
อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีแผนที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ประมาณ 11% ที่มีกำไรสุทธิประมาณ 76.86 ล้านบาท ด้วยการลดต้นทุนและลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น อีกทั้งการนำเครื่องจักรเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น โดยในปีนี้ยังไม่มีแผนเพิ่มเครื่องจักร ซึ่งคาดว่าในปี 65 จะเพิ่มเครื่องจักรใหม่เข้าไป
“ส่วนราคาหุ้นวันนี้ที่เปิดซื้อขายวันแรกที่ 3.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.10 บาท หรือ 150% จากราคราเสนอขายประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 1.40 บาท จำนวน 260 ล้านหุ้น เราต้องขอขอบคุณนักลงทุนเป็นอย่างมากที่ให้ความสนใจในตัว PACO โดยเราสัญญาว่าจะสร้างการเติบโตขึ้นอีกมากมายในอนาคต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผุ้ถือหุ้นของเรา โดยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองต่างๆ ตามกฎหมาย” นายสมชาย กล่าว
บริษัทฯจะนำเงินจากการเพิ่มทุน เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการจำนวน 108 ล้านบาท ทั้งการติดตั้งโซลารื รูฟท็อปบนหลังคา และการขยายสาขาภายใต้แบรนด์ “PACO AutoHub” ใช้ลงทุนในโครงการอนาคต 2 โครงการ จำนวน 40 ล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างคลังสินค้าและย้ายจุดกระจายสินค้าในประเทศจำนวน 20 ล้านบาท และจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อเป็นศูนย์กระจายสินค้าและขยายตลาดในประเทศมาเลเซียจำนวน 20 ล้านบาท รวมถึงไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงินจำนวน 200 ล้านบาท
ด้านนายวรนันท์ ถาวรนันท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย หุ้นไอพีโอ ของ บริษัท เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ (PACO) เปิดเผยว่า หุ้นไอพีโอ PACO เปิดซื้อขายวันแรกโดดเด่น เนื่องจาก บริษัทฯ มีจุดแข็งด้านการเป็นผู้ผลิตและส่งออกชิ้นส่วนแอร์รถยนต์ระดับนานาชาติ และมีรายได้ที่มีความมั่นคงสูง ด้วยราคาเปิดวันนี้สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนมีความเข้าใจตัวบริษัทฯจริง และ PACO เองก็มีการเติบโตที่ดีในอนาคต ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และการนำเทคโนโลยีเข้ามา เชื่อว่ายังสามารถเติบโตได้อีกมาก
