HoonSmart.com>>”ไมเนอร์ฯ” ยิ้มออก สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น หลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด แม้ปี 63 ขาดทุนหนักยับ 21,407ล้านบาท เห็นแสงปลายอุโมงค์ไตรมาส 4 ขาดทุน 5,590 ล้านบาทเท่าไตรมาส 3 ธุรกิจอาหาร-อสังหาริมทรัพย์กำไร โรงแรมฟื้นตัว เว้นยุโรป เดินหน้าคุมต้นทุน ลดกระแสเงินสดจ่าย มีเงินสด 2.5 หมื่นล้าน วงเงินแบงก์อีกก้อน เพียงพอใช้กว่า 2 ปี บอร์ดงดปันผล ใจป้ำแจก MINT-W8 ,MINT-W9 เปิดแปลงเป็นหุ้นปี 66-67 เพิ่มส่วนของผู้ถือหุ้น 1 หมื่นล้านบาท จำนวนหุ้นขยับแค่ 6.2%
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยผลงานปี 2563 มีขาดทุนสุทธิ 21,407.34 ล้านบาท พลิกจากปี 2562 มีกำไรสุทธิ 10,697.93 ล้านบาท ส่วนไตรมาสที่ 4/2563 ขาดทุนสุทธิ 5,590.95 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 ระลอกใหม่ทั่วโลกก็ตาม ทั้งนี้หากไม่รวมผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 ในไตรมาส 4 ขาดทุนสุทธิ 4,700 ล้านบาทเทียบกับขาดทุน 4,400 ล้านบาทในไตรมาส 3 โดยมีสาเหตุจากหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยเฉพาะทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ยังคงได้รับผลกระทบจากโควิดระลอกใหม่ ทำให้ปิดประเทศและมีการออกมาตรการต่างๆ
สำหรับในปี 2563 MINT มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานก่อนผลกระทบจากการบังคับใช้มาตรฐานการบัญชี TFRS16 จำนวน 1.88 หมื่นล้านบาท โดยไตรมาส 2 ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดหนักที่สุด
นายดิลลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มของ MINT กล่าวว่า MINT ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง บริษัทได้วางแผนธุรกิจเชิงรุกอย่างชาญฉลาดเพื่อรับมือกับการระบาดของโควิดระบาดระลอกใหม่ในทวีปยุโรปและอเมริกาใต้ในไตรมาส 4 และยังคงปรับตัวอย่างรวดเร็ว เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเห็นสัญญาณเชิงบวกในกลุ่มธุรกิจ เช่น ไมเนอร์ ฟู้ดปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4 กลับมาสร้างกำไรสุทธิ 540 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากในไตรมาส 4/2562 ที่มีกำไรสุทธิ 258 ล้านบาท สาเหตุมาจากความแข็งแกร่งของกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศจีนและมาตรการการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เข้มงวดในทุกแบรนด์ และการประหยัดต่อขนาดของแบรนด์บอนชอน ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยมีความสามารถในการทำกำไรที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2562
สำหรับไมเนอร์ โฮเทลส์ ในประเทศมัลดีฟส์และออสเตรเลียฟื้นตัวอย่างโดดเด่น มีรายได้เฉลี่ยต่อห้องต่อคืนในเดือนธ.ค.ต่ำกว่าเดือนธ.ค. 2562ซึ่งเป็นฤดูการท่องเที่ยว เพียง 5% การฟื้นตัวของอนันตรา เวเคชั่น คลับและยอดขายของโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย ส่งผลให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สามารถกลับมาสร้างกำไรสุทธิได้ แม้โรงแรมในยุโรปยังชะลอตัว แต่เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปยังคงดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพด้วยแพลตฟอร์มการขายที่แข็งแกร่ง
นอกจากนี้ MINT ยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่าย การลดกระแสเงินสดจ่าย และการรักษาสภาพคล่องตลอดไตรมาส 4 หลังจากการระบาดระลอกใหม่ ส่งผลให้กระแสเงินสดจ่ายเฉลี่ยต่อเดือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 1,500 ล้านบาทในไตรมาส 3 เป็น 1,600 ล้านบาทในไตรมาส 4 อย่างไรก็ตาม ด้วยเงินสดจำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท และวงเงินสินเชื่อจำนวน 2.8 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นเดือนม.ค. 2564 MINT มีเงินทุนสำรองที่เพียงพอสำหรับการดำเนินงานต่อไปได้อีกนานกว่าสองปี นอกจากนี้ การฟื้นตัวของธุรกิจจะช่วยให้บริษัทมีฐานเงินสดที่เพิ่มขึ้นด้วย
บริษัทยังคงมุ่งบริหารจัดการฐานะทางการเงินเชิงรุก โดยในช่วงต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา MINT ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้ ขยายระยะเวลาการยกเว้นการทดสอบการดำรงอัตราส่วนทางการเงินออกไปอีกสองปีจนถึงสิ้นปี 2565 นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นกู้ของ MINT ได้อนุมัติการแก้ไขคำจำกัดความของข้อกำหนดสิทธิ โดยไม่นับรวมผลกระทบจากการด้อยค่าสินทรัพย์จากสถานการณ์โควิด-19 ในส่วนของผู้ถือหุ้นเพื่อการคำนวณอัตราส่วนทางการเงินไปจนถึงสิ้นปี 2567 แสดงให้เห็นถึงการให้ความสนับสนุนและความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้นกู้ที่มีต่อบริษัท
ด้านคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) มีมติงดการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2563เพื่อสำรองเงินไว้ในการบริหารสภาพคล่องและเป็นเงินทุนหมุนเวียน เนื่องจากความไม่แน่นอนของสภาพเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
อย่างไรก็ตาม ได้อนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้น(วอร์แรนต์) ครั้งที่ 8 หรือ MINT-W8 จำนวน179,020,602 หน่วย แจกให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 7 พ.ค. 2564 สัดส่วน 29 ต่อ 1 ราคาแปลงสภาพ 28 บาท อายุไม่เกิน 2 ปี และออกวอร์แรนต์ครั้งที่ 9 (MINT-W9)จำนวน 162,237,420 หน่วย แจกผู้ถือหุ้นเดิมเช่นกัน สัดส่วน 32 ต่อ 1 ราคาแปลงสภาพ 31 บาท ราคาไม่เกิน 3 ปี โดยเพิ่มทุนจำนวน 341,258,022 หุ้นมารองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพของวอรแรนต์
“MINT-W8 จะครบกำหนดในปี 2566 MINT-W9 จะครบกำหนดในปี 2567 การใช้สิทธิแปลงเป็นหุ้นจะช่วยเสริมสร้างฐานส่วนของผู้ถือหุ้นของ MINT ให้เพิ่มขึ้นอีกจำนวน 1 หมื่นล้านบาทในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ด้วยจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นเพียง 6.2% ด้วยมาตรการทั้งหลายจะช่วยให้ MINT มีความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการฐานะทางการเงินด้วยมาตรการอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการหมุนเวียนสินทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2564”
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2564 ผ่านมาสองเดือน MINT คาดการณ์ว่าธุรกิจจะยังคงเผชิญกับความท้าทายในช่วงครึ่งปีแรกจนกว่าจะมีการกระจายของวัคซีนในวงกว้าง แต่ MINT อยู่ในฐานะที่พร้อมจะดำเนินธุรกิจเมื่อพรมแดนของแต่ละประเทศกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวและภาคการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว
“ผมมั่นใจว่าบริษัทได้ผ่านพ้นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว ในปี 2563 ที่ท้าทาย บริษัทได้ใช้โอกาสในการปรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานมากขึ้น ทำให้มั่นใจว่าบริษัทจะยังคงมุ่งพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความคาดหวังของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทจะยังคงดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความยืดหยุ่นของฐานะทางการเงิน พร้อมที่จะกลับมาดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจอย่างเต็มที่ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากแบรนด์และทรัพย์สินที่มีคุณภาพสูง สร้างรายได้ และผลักดันกำไรและผลตอบแทนให้กับผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดในระยะยาว”นายดิลลิป ราชากาเรีย กล่าวเพิ่มเติม