HoonSmart.com>> “กลุ่มบีทีเอสฯ” เจอพิษโควิดเต็มเปา ผลงานร่วงหนัก “ยู ซิตี้” อ่วม ขาดทุน 6.6 พันล้านบาทปี 63 ธุรกิจโรงแรม-ให้เช่าสำนักงานแย่ แถมขายทรัพย์สินราคาถูกซ้ำเติม บริษัทจ้องขายหุ้นลงทุน-ที่ดินต่อไป เตรียมเพิ่มทุน บล.ทิสโก้เชียร์ซื้อ BTSGIF ชี้เป้าหมาย 7 บาท เหตุขาดทุนน้อยกว่าคาด แนะซื้อ VGI ผลงานไตรมาส 3 สูงเกินคาด ตีมูลค่า 8.60 บาท ส่วนเคอรี่ฯ ให้ “ถือ” มองกำไรปีนี้-ปีหน้าโตเฉลี่ย 28% ต่อปี แต่ราคาแพงแซงพื้นฐานที่ให้ไว้ 51 บาท
กลุ่มบีทีเอสฯทยอยแจ้งผลการดำเนินงานงวดล่าสุด ส่วนใหญ่มีกำไรสุทธิแย่ลง โดยบริษัท ยู ซิตี้ (U) ประสบปัญหาขาดทุนมากถึง 6,610.75 ล้านบาทในปี 2563 พลิกจากที่มีกำไรสุทธิ 1,867.35 ล้านบาทในปี 2562 โดยเฉพาะไตรมาส 4 ขาดทุนถึง 3,840 ล้านบาท แย่ลง 412% เทียบกับที่มีขาดทุนเพียง 750 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางราง บีทีเอสโกรท (BTSGIF) ไตรมาสที่ 3/2563 ขาดทุน 2,176 ล้านบาท พลิกจากที่มีกำไรสุทธิ 1,049 ล้านบาท ทำให้รวม 9 เดือนขาดทุนสุทธิ 599 ล้านบาท พลิกจากกำไรสุทธิ 2,945 ล้านบาท
สาเหตุที่ทำให้บริษัทยู ซิตี้ขาดทุนหนัก เนื่องจากรายได้รวมทรุดลง 46.1% เหลือ 5,651 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากธุรกิจโรงแรมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และรายได้จากธุรกิจให้เช่าอาคารสำนักงาน
นอกจากนี้บริษัทยังขาดทุนจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์และขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ ซึ่งบริษัทจำหน่ายออกหลายรายการ รวมถึงต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นจากการนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินเรื่องสัญญาเช่า (TFRS16) มาถือปฎิบัติ
ด้านคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเห็นชอบให้เพิ่มทุน จำนวน 97,293.67 ล้านบาท เป็น 133,212.32 ล้านบาท โดยออกหุ้นบุริมสิทธิ 28,998.31 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญ 1,405.96 ล้านหุ้น เพื่อนำไปใช้ชำระหนี้และนำไปลงทุน นอกจากนี้อนุมัติการจำหน่ายทรัพย์สิน เช่นที่ดิน และหุ้น มีผลขาดทุนทางบัญชี 4,302.14 ล้านบาท
บล. ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” BTSGIF ราคาเป้าหมาย 7 บาท/หุ้น หลังจกขาดทุนสุทธิจากการลงทุน -2,176 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ เนื่องจากการปรับมูลค่าเงินลงทุน RTA จำนวน -2,900 ล้านบาท และบันทึกเงินลงทุนในการก่อสร้างสถานีเซนต์หลุยส์ 65.7 ล้านบาท
BTSGIF มีรายได้จากการลงทุนสุทธิ (Net investing income) ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 789 ล้านบาท ลดลง37% จากช่วงเดียวกันปีก่อนและดีขึ้น1 0% จากไตรมาส 2 ดีกว่าที่เราคาดไว้ที่ 748 ล้านบาท ขณะที่รายได้ค่าโดยสารเป็นไปตามที่เราคาดไว้ที่ 1,167 ล้านบาท ตามจำนวนผู้โดยสารที่ 39.4 ล้านเที่ยว หรือ 4.28 แสนเที่ยวต่อวัน ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยจากผลกระทบการชุมนุมในเดือนตุลาคมและการระบาดของโควิด-19 ระลอก 2 ในเดือนธันวาคม นอกจากนี้ อัตราค่าโดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาที่ 29.6 บาทต่อเที่ยว อัตรากำไรสุทธิ ยังอยู่ที่ 97.9% ดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน
กองทุนจ่ายเงินคืนทุนให้แก่ผู้ถือหน่วย 0.125 บาทต่อหน่วย (XN 24 กุมภาพันธ์) โดยบล.ทิสโก้ปรับประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 2563-2564 ลงมาอยู่ที่ -129 ล้านบาทสะท้อนแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารที่ต่ำกว่าคาด แต่คงประมาณการสำหรับปี2564/65-68
ส่วนบริษัทเคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX บล.ทิสโก้แนะนำถือ ราคาเป้าหมาย 51 บาท หลังจากกำไรสุทธิ ปี 2563 ที่ 1,405 ล้านบาท เติบโต 5.8%เพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามคาด โดยยังคงประมาณการกำไรสุทธิ ปี 2564-2565จะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 28% คาดปีนี้และปีหน้ารายได้โต เฉลี่ยปีละ 20% จากสถานการณ์ โควิดระบาดรอบ 2 ทำให้การซื้อของผ่านออนไลน์มากขึ้นและการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯพร้อมนำเงิน IPO วิจัยพัฒนาระบบการให้บริการ ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพทำกำไรเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปัจจุบันเต็มมูลค่าพื้นฐานที่ราคาเป้าหมาย 51 บาท
ส่วนบริษัท วีจีไอ (VGI) บล.ทิสโก้แนะซื้อให้ราคาเป้าหมาย 8.60 บาท จากไตรมาส 3 กำไรสุทธิ 713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 78%จากช่วงเดียวกันปีก่อนและดีขึ้นมากจากไตรมาส 2ที่ทำได้ 12 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษกำไรจาก KEX จำนวน 513 ล้านบาท (นำหุ้น IPOเข้าตลาดฯ 300 ล้านหุ้น ที่ราคา 28 บาท และ VGI ถือหุ้น 19.1 % ที่ราคาต้นทุน 18 บาท) VGI จะมีกำไรจากธุรกิจหลัก 200 ล้านบาท มากกว่าที่คาดกำไรไว้ที่ 125 ล้านบาท จากอัตรามาร์จิ้นที่ดีกว่า และ รับรู้เงินปันผลจาก PLANB จำนวน 58 ล้านบาท