คลุกวงในหุ้น : ทำอย่างไรไม่ “ขายหมู” MK

โดย ….สุนันท์ ศรีจันทรา

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI อาจไม่ได้มีเจตนาชี้นำราคาหุ้น บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK แต่การประกาศ ว่า อาจปรับราคารับซื้อหุ้น ได้จุดพลุให้นักลงทุนแห่เข้าเก็งกำไรหุ้น MK จนราคาพุ่งขึ้นแรง

MK ปิดการซื้อขายเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ราคา 4.64 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงสุดในรอบ 16 เดือน เพิ่มขึ้น 46 สตางค์ หรือเพิ่มขึ้น 11% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นกว่าปกติ โดยเคาะซื้อขายทั้งสิ้น 311.16 ล้านบาท

บริษัท ศุภาลัย พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SPM) บริษัทลูกของศุภาลัย ประกาศจัดทำคำเสนอซื้อ หรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น MK โดยสมัครใจทั้งหมดอย่างไม่มีเงื่อนไข ในราคาหุ้นละ 4.10 บาท โดยนายประทีป ยืนยันเจตนารมณ์ที่จะเข้าไปบริหารงานใน MK

แต่กลุ่มบริษัท ฟินันซ่า จำกัด (มหาชน) หรือ FNS ซึ่งถือหุ้นใหญ่กว่ากลุ่มนายประทีป และกุมอำนาจบริหารงานอยู่ ไม่เปิดทางให้ศุภาลัย เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และทยอยช้อนหุ้นกวาดเก็บหุ้นในกระดาน ทันทีที่มีการประกาศทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ จนราคาหุ้นยืนปักหลักอยู่แถว 4.10 บาทหรือสูงกว่า

และถ้าราคาหุ้นบนกระดาน ยืนในระดับ 4.10 บาท หรือสูงกว่า แผนการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ของกลุ่มศุภาลัย คงล้มเหลว ไม่อาจเก็บกวาดหุ้น ในมือนักลงทุนรายย่อยแม้แต่หุ้นเดียว

นายประทีป คงประเมินสถานการณ์ได้ว่า การตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น MK ราคาเดิมที่กำหนดไว้หุ้นละ 4.10 บาท อาจซื้อ MK ไม่ได้แม้แต่หุ้นเดียว จึงแบไต๋ จะปรับราคารับซื้อขึ้นอีก โดยยังไม่มีตัวเลขว่า ราคารับซื้อใหม่จะเป็นเท่าไหร่

สงครามการช่วงชิงหุ้น เพื่อครองความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และกุมอำนาจการบริหาร ในบริษัทจดทะเบียน ที่ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เปิดฉากขึ้นอย่างชัดเจนแล้ว โดยกลุ่ม “ฟินันซ่า” กำลังไล่เก็บหุ้นตัดหน้ากลุ่มศุภาลัย

ราคาหุ้น MK ในระดับต่ำกว่า 4.10 บาท คงไม่มีโอกาสได้เห็นอีกพักใหญ่ จนกว่าศึกการแย่งชิงความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะปิดฉากลง

การช่วงชิง MK ระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 กลุ่ม กลายเป็นโอกาสการเก็งกำไร จากสถานการณ์หุ้นตัวนี้ และนักลงทุนที่อ่านเกมออก จึงฉวยจังหวะ ผสมโรงช้อนหุ้นเก็บด้วย เพราะ ราคาเทนเดอร์ออฟเฟอร์ MK ไม่จบที่ 4.10 บาทแน่ แต่จะเป็นเท่าไหร่ ต้องเก็งกันเอง

นอกจากนั้น MK ก็ไม่ใช่หุ้นขี้เหร่ มีกำไรต่อเนื่อง ปันผลงาม ที่สำคัญคือ มูลค่าหุ้นทางบัญชีหรือ ”บุ๊ก” สูงกว่าราคาหุ้นบทกระดานกว่า 40% จึงแทบไม่มีความเสี่ยงในการช้อนเก็บ

ผู้ถือถือหุ้นรายย่อย MK จำนวน 4,572 ราย ตามทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มีนาคม 2561 งานนี้ถือว่าถูกหวย รวยขึ้นในพริบตา โดยไม่ต้องลุ้นหรือรอคอย เพราะตั้งแต่กลุ่มศุภาลัย ประกาศเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ก่อนตลาดหุ้นเปิดการซื้อขาย วันที่ 11 กรกฎาคม ราคาหุ้น MK ยังวิ่งไม่หยุด รวม 7 วันทำการ ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 40% แต่จะวิ่งไปต่ออีกหรือไม่ อยู่ที่ความรุนแรงของสงครามระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่

ถ้าสู้กันไม่ยั้ง แต่ละกลุ่มต้องชิงความเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ให้ได้ ไม่มีการ ลดราวาศอก ให้อีกกลุ่ม ทุ่มทุนกวาดซื้อหุ้นให้ได้มากที่สุด MK มีโอกาสทะยานขึ้นต่อ

นักลงทุน ถ้าคิดจะเข้าไปเก็งกำไรหุ้น MK ต้องประเมินความรุนแรงของศึก ระหว่างกลุ่มศุภาลัยกับกลุ่มฟินันซ่าให้ได้ เพราะจะเป็นปัจจัยชี้ขาด แนวโน้มราคาหุ้น

แต่สำหรับผู้ถือหุ้นรายย่อย MK ชั่วโมงนี้ ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว เพราะขายทำกำไรได้ทุกราคา สิ่งที่ยุ่งยากเหลือเพียง จะตัดสินใจขายราคาไหน จึงทำกำไรสูงสุด และไม่เป็นการ “ขายหมู”เท่านั้น

****************
ติดตามข่าว หุ้นเด่น ประเด็นร้อน #HoonSmart #หุ้นสมาร์ท ได้ที่
Facebook : www.facebook.com/HoonSmart
Line : https://line.me/R/ti/p/%40hoonsmart.com