โดย…สุนันท์ ศรีจันทรา
ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยิ้มย่อง เมื่อแถลงถึงการเติบโตของนวัตกรรมการลงทุนใหม่ ๆ โดยเฉพาะการซื้อขาย “ซิงเกิ้ลสต็อก” ในตลาดอนุพันธ์รูปแบบ ”บล็อกเทรด” และ เดลิเวทีฟ วอร์แร้นต์ (DW) แม้ว่าตราสารการลงทุนทั้ง 2 ประเภท เป็นตัวสร้างความปั่นป่วนในตลาดหุ้นก็ตาม
หลายปีที่ผ่านมา มูลค่าการซื้อขาย DW และบล็อกเทรด เติบโตอย่างรวดเร็ว นักลงทุนมือใหม่ นักลงทุนรุ่นใหม่ อายุน้อย ๆ หน้าอ่อน ๆ แห่กันเก็งกำไร เพราะใช้เงินน้อย ได้เสียไว อาจรวยในชั่วข้ามคืน และอาจหมดตัวในชั่วพริบตา
การซื้อขายด้วยบัญชีมาร์จิ้น หรือสินเชื่อเพื่อการซื้อหุ้น โดยทั่วไปบริษัทโบรกเกอร์จะเรียกหลักทรัพย์ค้ำประกัน 50% และปล่อยสินเชื่อ 50%
แต่การเปิดบัญชีซื้อขายสัญญา “บล็อกเทรด” วางหลักทรัพย์เพียง 10% เท่านั้น ขณะที่มีอำนาจในการซื้อหุ้นได้วงเงินสูง 10 เท่าของหลักทรัพย์ค้ำประกัน ถ้าเก็งได้ว่า หุ้นที่ซื้อจะขึ้นหรือลง สามารถเก็บเกี่ยวกำไรเป็นกอบเป็นกำได้ในระยะสั้น ๆ
เช่นเดียวกับ DW ซึ่งวางหลักทรัพย์ค้ำประกันเพียงประมาณ 25% แต่มีอำนาจการซื้อหุ้นได้ประมาณ 4 เท่าตัว ของหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ทั้งบล็อกเทรดและ DW เป็นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อการเก็งกำไรโดยเฉพาะ ไม่สามารถซื้อเพื่อการลงทุนระยะยาวได้ เพราะมีอายุให้เล่นกันเพียง 3 เดือน หรือ 6 เดือน เท่านั้น
ตลาดหลักทรัพย์ไม่ควรภาคภูมิใจ กับการเติบโตของผลิตภัณฑ์การลงทุนทั้งสองประเภท เพราะยิ่งโตเท่าไหร่ มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นมาเท่าไร ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนในตลาดหุ้น ถูกมอมเมาให้กลายเป็นนักเก็งกำไรมากขึ้น
ตลาดหุ้นที่เต็มไปด้วยนักเก็งกำไร ไม่ใช่ตลาดหุ้นที่ดี และไม่อาจเติบโตได้อย่างยั่งยืน เป็นตลาดหุ้นที่รอการเกิดหายนะครั้งใหญ่
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน ที่มีรูปแบบของการเก็งกำไรเต็มตัว ดังมาเป็นระยะ แต่ตลาดหลักทรัพย์ไม่เคยทบทวนนโยบาย แต่กลับโหมกระพือ ส่งเสริมการลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงสูง จัดกิจกรรมกระตุ้นการซื้อขาย และพยายามขยายฐานเหยื่อรายใหม่ ๆ
วันนี้ผลกระทบจากบล็อกเทรดและ DW ปะทุขึ้นแล้ว โดยเป็นต้นเหตุที่ทำให้หุ้นหลายตัวขึ้นลงอย่างวูบวาบ ถูกทุบขายจนราบเป็นหน้ากลอง รูดติดฟลอร์ 30% ทั้งที่ไม่มีข่าวร้ายใด ๆ กระทบ
กองทุนรวมในประเทศ ออกมาชี้เบาะแส เหตุร้ายจากนวัตกรรมใหม่ เตือนถึงความเสี่ยงของนักลงทุน และเรียกร้องให้ตลาดหลักทรัพย์ หามาตรการรับมือกับผลกระทบจากบล็อกเทรดและ DW
บล็อกเทรดและ DW เป็นตราสารอ้างอิงหุ้นรายตัว โดยเมื่อนักลงทุนซื้อสัญญาบล็อกเทรด โบรกเกอร์จะซื้อหุ้นในกระดานตามจำนวนที่ลูกค้าซื้อสัญญา เพื่อป้องกันความเสี่ยง เพราะโบรกเกอร์ต้องการเพียงค่านายหน้าซื้อขาย และดอกเบี้ยจากการจ่ายเงินซื้อหุ้นล่วงหน้า ไม่ได้หวังหากินกับส่วนต่างการขึ้นลงของราคาหุ้น
DW ก็เช่นเดียวกัน โบรกเกอร์บางแห่ง จะซื้อหุ้นสามัญรองรับ DW ที่อ้างอิงหุ้นตัวนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง
บล็อกเทรดและ DW จึงก่อให้เกิดแรงซื้อขายทวีคูณในหุ้นหลายตัว และเป็นแรงซื้อหรือขาย ที่พร้อมจะเกิดความแปรปรวนตลอดเวลา ถ้าหุ้นที่อ้างอิงมีปัจจัยกระทบ และทำให้นักลงทุนเกิดความหวั่นไหว พร้อมใจกันขายบล็อกเทรดและ DW
เพราะโบรกเกอร์ต้องขายหุ้น ที่ซื้อมาเป็นหลักประกันความเสี่ยงก่อนหน้า ทิ้งทันทีแรงขายจึงอาจไหลทะลักเข้าหุ้นรายตัว จนราคารูดติดฟลอร์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับหุ้นหลายตัว ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
หุ้น EA SUPER BEAUTY และล่าสุด KTC ถูกทุบจนเดี้ยงกันมาแล้ว โดยบล็อกเทรดและ DW ตกเป็นผู้ต้องหาทุบหุ้น
วายร้ายทั้งสองรายนี้ กำลังเป็นตัวป่วนตลาดหุ้น คำถามคือ ตลาดหลักทรัพย์จะจัดการอย่างไร จะปล่อยให้สร้างความผิดเพี้ยนในการซื้อขายหุ้นรายตัวต่อไปโดยไม่แก้ไขอะไรหรือ