เงินนอกทะลักหนุนทดสอบ 1,480 จุด ม.ค.สูงสุดแค่ 1,500 รอรับ1,400

HoonSmart.com>>หุ้นพุ่งแรง 38.41 จุด ต่างชาติพลิกมาขายเล็กน้อย 58 ล้านบาท  4 นักวิเคราะห์คาดเงินทุนไหลเข้าหุ้นไทย ผสมแรงซื้อในประเทศหนุน  บล.ฟินันเซีย ไซรัส-บล.เอเซียพลัสให้กรอบสูงสุดรอบนี้ที่ 1,480 จุด บล.เคจีไอ มองหุ้นขึ้นต่อภาครัฐไม่คุมเข้มป้องกันโควิด  บล.ทรีนีตี้ประเมินเดือนม.ค.กรอบแนวต้านสำคัญที่ 1,500 จุด แนะกลุ่มไฟฟ้า GULF, GPSC, EA, BGRIM, EGCO, RATCH,ACE  มติเอกฉันท์จุดรับปลอดภัยแนวรับแรก 1,400 จุด

วันที่ 5 ม.ค. หุ้นปิดระดับสูงสุดของวันที่ระดับ 1,506.65 จุด เพิ่มขึ้น 38.41 จุดหรือ +2.62% ด้วยมูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 115,299.85 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาขายเล็กน้อย 58 ล้านยาท นักลงทุนไทยทำกำไร 4,120 ล้านบาท ส่วนสถาบันไทยซื้อต่อ 2,980 ล้านบาท และบัญชีบล.ซื้อ 1,198 ล้านบาท

นักวิเคราะห์คาดกระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง จากวันแรกของปี 2564 เงินเข้ามา 993 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กระจุกตัวที่ไต้หวัน 930 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ไทยมีเม็ดเงินไหลเข้ามากสุดในกลุ่ม TIP ที่ 74 ล้านดอลลาร์ แนวโน้มยังคงไหลเข้าจากสภาพคล่องที่สูง และความคาดหวังเชิงบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและหลายประเทศทยอยใช้วัคซีนโควิด-19

บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดดัชนีแกว่งในกรอบ 1,450-1,480 จุด เน้นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า-ไฟแนนซ์ ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มบริเวณ 1,400 จุด

บล.เอเซียพลัส คาดดัชนีน่าจะขยับกรอบขึ้นในช่วง 1,440-1,480 จุด การเคลื่อนย้ายของเม็ดเงินลงทุนในประเทศเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยเห็นจากบอนด์ยีลด์ทําจุดปิดต่ำสุดที่ 0.344% และแรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้าต่างประเทศที่มีแนวโน้มไหลเข้าต่อเนื่องช่วยประคองดัชนีบริเวณแนวรับ 1,425-1,430 จุด กลยุทธ์เน้นปันผลเด่นอย่าง DCC หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการทำงานที่บ้าน ADVANC และ GULF ที่มีแรงหนุนจากเงินทุนไหลเข้า

บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)  มองว่าภาครัฐฯ ขณะนี้กำลังพยายามหาจุดสมดุลระหว่างมิติทางเศรษฐกิจ และ มิติด้านสาธารณสุข ส่งผลให้มาตรการต่างๆ ไม่น่าจะเข้มงวดเกินไป ซึ่งจะส่งผลให้ดัชนีน่าจะประคองตัวได้ต่อ

บล.ทรีนีตี้คาดว่าในเดือนม.ค.ยังคงคาดการณ์ดัชนีมีกรอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,500 จุด ซึ่งเป็นระดับที่สามารถไปถึงได้ในกรณี Extreme หากกระแสเงินทุนยังไหลเข้ามาอีก อิงการคำนวณจากโมเดล Earning yield gap ในทางกลับกัน ประเมินแนวรับแรกของดัชนีที่ 1,400 จุด และระดับแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,360 จุด ซึ่งเป็นระดับดัชนีที่เหมาะสมในกรณีดีสุดจากวิธี PE Model   ที่ใส่ความเป็นไปได้ในการลดดอกเบี้ยอีก 0.25% ของธปท.ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ กรอบแนวต้าน-แนวรับที่ให้ไว้นี้มีความเสี่ยงที่อาจถูกปรับลงได้ หากเหตุการณ์โควิด-19 ที่ระบาดรุนแรงเพิ่มขึ้นในประเทศ ทำให้นักวิเคราะห์ในตลาดมีการปรับลดทอนประมาณการกำไรต่อหุ้นของบจ.ลงในช่วงถัดไป

” คาดเม็ดเงินจะยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มโรงไฟฟ้าต่อไป มองปัจจัยสนับสนุน Sentiment ในช่วงสั้นได้แก่การเป็นกลุ่มหุ้น Defensive ที่มีกระแสเงินสดแน่นอน จึงไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากโควิด  และหุ้นหลายตัวในกลุ่มนี้ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า จากการมีเงินกู้สกุลต่างประเทศ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทยที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ล่าสุดทำจุดต่ำสุดใหม่อีกครั้ง ส่งผลต่อความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มนี้ในมิติของส่วนต่างผลตอบแทนปันผลที่สูงขึ้น”บล.ทรีนีตี้ระบุ

สำหรับตัวหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ ได้แก่ หุ้นขนาดใหญ่ทั้งหลายเช่น GULF, GPSC, EA, BGRIM, EGCO, RATCH รวมไปถึงหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ยังคงแนะนำ ซื้อ  คือ  ACE โดยมีราคาเป้าหมายที่ 5.20 บาท

นอกจากนี้กลุ่มหุ้นปันผลสูงก็น่าสนใจไม่แพ้กลุ่มไฟฟ้า เดือนม.ค.เป็นเดือนที่ดัชนี SETHD ซึ่งเป็นตัวแทนของหุ้นปันผลสูงมีค่ากลางของผลตอบแทนสูงที่สุดที่ 3.6% ตามมาด้วยเดือนก.พ.ที่ 2.3%  หากรวมกันการถือครองหุ้นปันผลในช่วง 2 เดือนนี้ให้ผลตอบแทนคาดหวังที่ประมาณเกือบ 6%   จึงมองว่าเป็นธีมการลงทุนระยะกลางหนึ่งที่น่าสนใจ

ส่วนหุ้นเด่นประจำเดือนม.ค.นี้ได้แก่ 6 ตัวเดิม ได้แก่ PTT, INTUCH, GUNKUL, BCPG, TVO, ORI ซึ่งเป็นตัวหุ้นที่มีความเชื่อมั่นทางสถิติในระดับสูงเกินกว่า 70% ว่าจะส่งมอบผลตอบแทนทั้งหมดที่เป็นบวกได้ในเดือนม.ค.นี้