HoonSmart.com>>แปลกแต่จริง! เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา(14-18 ธ.ค.63) ดัชนีหุ้นปิดที่ระดับ 1,482.38 จุด ใกล้เคียงกับสัปดาห์ก่อน แต่มีหุ้นหลายตัว ราคากระโดดขึ้นแรงผิดปกติ โดยเฉพาะบริษัท สายการบินนกแอร์ (NOK) และบริษัท บีอีซี เวิลด์ (BEC) สร้างความร่ำรวยยิ่งขึ้นให้กับ” ทวีฉัตร จุฬางกูร” นักลงทุนรายใหญ่ มากถึง 842 ล้านบาทเพียงหนึ่งสัปดาห์ ไม่รวมหุ้นในพอร์ตตัวอื่นๆ พอร์ตของแม่”หทัยรัตน์ จุฬางกูร” และน้องชาย”ณัฐพล จุฬางกูร”
หุ้นของบริษัท สายการบินนกแอร์ (NOK) วิ่งขึ้นเกือบทุกวันสวนทางกับตลาด ทำให้ราคาปิดที่ระดับ 1.50 บาทในวันที่ 18 ธ.ค. 2563 เทียบกับเมื่อวันพุธที่ 9 ธ.ค. ที่ผ่านมาปิดที่ระดับ 0.82 บาท เพิ่มขึ้น 0.68 บาท หรือพุ่งขึ้น 82.93% ทำให้ครอบครัว “จุฬางกูร” ที่ถือหุ้นทั้งสิ้น 74.96% พอร์ตโตขึ้นถึง 1,901 ล้านบาท นำโดย “หทัยรัตน์” ซึ่งถือหุ้นใหญ่ที่สุด สัดส่วน 26.38% มูลค่าเพิ่มขึ้น 669 ล้านบาท ตามด้วย” ณัฐพล” ถือ 26.07% เพิ่มขึ้น 661 ล้านบาท และ”ทวีฉัตร” ถือจำนวน 22.51% เพิ่มขึ้น 570.91 ล้านบาท ส่วนบริษัท การบินไทย (THAI) ถือหุ้นอันดับที่ 4 สัดส่วน 13.28% มูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 337ล้านบาท
อย่างไรก็ตามราคาหุ้น NOK ในปัจจุบันยังต่ำกว่าต้นทุนที่ “กลุ่มจุฬางกูร” ซื้อมาตอนเพิ่มทุนหลายครั้ง เช่น ต้นปี 2563 ได้ใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ในสัดส่วน 3.50 หุ้นเดิม : 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท และก่อนหน้านี้เคยซื้อมาในราคา 2.40 บาทต่อหุ้น
หุ้น NOK ปรับตัวขึ้นแรงกว่าหุ้นสายการบินอื่นๆ ที่ขานรับข่าวดีการพัฒนาวัคซีนในหลายประเทศ และสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัทเอง ที่หุ้นติดเครื่องหมาย” C” เนื่องจากส่วนของผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการแก้ไข และได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้กฎหมายล้มละลาย รวมถึงผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ ขาดทุนหนักถึง 3,935.96 ล้านบาท แถมผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงินสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2563 ขณะที่ธุรกิจยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาด คาดว่าจะยังไม่ดีขึ้นอีกนาน เพราะนักท่องเที่ยวยังเดินทางเข้าประเทศไม่ได้ ล่าสุดบริษัทแจ้งย้ายสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ ไปที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ
ส่วนบริษัท บีอีซี เวิลด์ ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงมาตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. จากบริเวณ 4.62 บาท มาถึงปัจจุบัน พุ่งขึ้นเกือบ 70% ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 กลุ่มแย่งกันซื้อหุ้น และผลการดำเนินงานมีแนวโน้มดีขึ้น
โดยรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาปรับตัวขึ้นหุ้นละ 0.95 บาท คิดเป็นประมาณ 13.97 % ปิดที่ 7.75 บาท “ทวีฉัตร ” ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งได้รับประโยชน์เต็ม ๆ จากการมีหุ้นจำนวน 284.88 ล้านหุ้น สัดส่วน 14.24% พอร์ตเพิ่มขึ้น 270.64 ล้านบาท ส่วน”หทัยรัตน์” ถือหุ้นอันดับที่ 7 จำนวน 3.53 % เพิ่มขึ้น 67.13 ล้านบาท และ” ณัฐพล” ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 12 สัดส่วน 1.86 % พอร์ตโตขึ้น 35.32 ล้านบาท
ล่าสุด บริษัท บีอีซี เวิลแจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ได้รับทราบมติคณะกรรมการบริหารที่อนุมัติให้บริษัทบริษัทย่อยที่ไม่ได้ดำเนินกิจการ 4 บริษัท ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัทแต่อย่างใด
ขณะที่นักวิเคราะห์ยังมอบวกต่อหุ้น BEC คาดจะพลิกมีกำไร ในปี 2564 จากที่ขาดทุนมานานตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน จำนวน-330.18 ล้านบาท -397.17 ล้านบาท และ 9 เดือนปีนี้ -481.78 ล้านบาท การที่บริษัทจะเทิร์นอะราวด์ยังมีความไม่แน่นอน แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรง จากความคาดหวังสูง จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนจะต้องเพิ่มความระมัดระวัง เพราะการมาเร็วเกินไปก็มีโอกาสที่จะลงแรงเช่นเดียวกัน