“บัตรกรุงไทย” อวดงบไตรมาส 2/61 กำไรสุทธิ 1.3 พันล้านบาท เติบโต 66% จากงวดปีก่อน หนุนครึ่งปีแรกกวาดกำไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาท เติบโต 66% จากงวดปีก่อน ชี้รายได้โต 10% คุมค่าใช้จ่ายหด ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ลด มั่นใจทั้งปีทำได้สูงกว่าเป้า สวนทางหุ้นดิ่งติดฟลอร์
บริษัท บัตรกรุงไทย (KTC) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2561 กำไรสุทธิ 1,305.88 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 5.06 บาท เพิ่มขึ้น 66% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 786.65 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.05 บาท
ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2561 กำไรสุทธิ 2,514.80 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 9.75 บาท เพิ่มขึ้น 66% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,519.19 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 5.89 บาท
ในงวด 6 เดือนแรกมีรายได้โต 10% ขณะที่ค่าใช้จ่ายรวมลดลง 4% โดยบริษัทมีกำไรเติบโตจากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เติบโตขึ้นและจากยอดลูกหนี้ในธุรกิจบัตรเครดิตและธุรกิจสินเชื่อบุคคลที่ขยายตัว การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของหนี้สูญได้รับคืน อีกทั้งคงสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดย NPL ลูกหนี้รวมอยู่ที่ 1.27% ลดลงจาก 1.2% ณ สิ้นปี 2560 อีกทั้งลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.57% และ 1.34% ตามลำดับ บริษัทคาดว่ายังสามารถรักษาระดับ NPL ให้อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง ขณะเดียวกันควบคุมค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆให้ลดลงค่อนข้างมาก
บริษัทฯ ระบุว่า ครึ่งปีแรกบริษัทมีอัตราการเติบโตของพอร์ตลูกหนี้ต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ อย่างไรก็ตามด้านการสร้างรายได้ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรและจากยอดลูกหนี้ของสินเชื่อบุคคลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และเนื่องจากมีการควบคุมคุณภาพพอร์ตได้เป็นอย่างดี มีอัตราหนี้เสียที่ต่ำทำให้ผลประกอบการของบริษัทสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมสินเชื่อบัตรเครดิตที่รุนแรงมากขึ้น อีกทั้งการควบคุมอย่างเข้มงวดของหน่วยงานกำกับดูแลของทางการ การเติบโตจึงเป็นไปในลักษณะที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปี ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าจะสามารถทำผลดำเนินงานของทั้งปี 2561 ได้ดีกว่าประมาณการเดิมที่เคยเปิดเผยไว้
ด้านราคาหุ้น KTC ปิดตลาด 23.10 บาท ลดลง 9.90 บาท หรือ -30% มูลค่าการซื้อขาย 2,589.21 ล้านบาท สูงเป็นอันดับสองของตลาด
อ่านประกอบ