CK โชว์กำไรโต 1,100% เล็งประมูลงานใหม่ปีหน้า 2 แสนลบ.

HoonSmart.com>> “ช.การช่าง” โชว์กำไรไตรมาส 3/63 กำไรสุทธิ 774 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,100% จากงวดปีก่อน กวาดรายได้รวม 4,528 ล้านบาท เล็งประมูลงานใหม่ปี 64 กว่า 2 แสนล้านบาท “บล.หยวนต้า” ชี้กำไรดีกว่าตลาดคาดกว่า 50% แนะทยอยสะสม เป้า 26.70 บาท

สุภามาส ตรีวิศวเวทย์

นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง (CK) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2563 บริษัทมีรายได้ก่อสร้าง 3,798 ล้านบาท รายได้รวม 4,528 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านมา แต่ก็ยังสามารถรักษาอัตรากำไรไว้ได้เป็นอย่างดี โดยมีกำไรสุทธิ 774 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 1,100% จากไตรมาสที่แล้ว อัตรากำไรขั้นต้น 7.73% อัตรากำไรสุทธิ 17.10% ซึ่งความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด covid-19 แต่ประการใด

ในวันที่ 30 ต.ค.2563 ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามสัญญาก่อสร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้และวิจัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ กับ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มูลค่า 4,041 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) นอกจากนี้ ช.การช่างได้เตรียมความพร้อมในการเข้าแข่งขันการประมูลราคาโครงการต่าง ๆ ในปีหน้าซึ่งมั่นใจว่า จะมีงานเพิ่มเติมเข้ามาอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม มูลค่ากว่า 120,000 ล้านบาท ที่ได้มีการยื่นประกวดราคาไปแล้วเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2563 โดยบริษัทมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านการก่อสร้างอุโมงค์รถไฟฟ้าใต้ดิน การติดตั้งงานระบบ และพันธมิตรที่แข็งแกร่งคือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ที่มีประสบการณ์ในการบริหารการเดินรถมากว่า 16 ปี

สำหรับโครงการก่อสร้างของภาครัฐ ช.การช่าง มีความเชื่อมั่นว่าจะมีอีกหลายโครงการที่มีความพร้อม สามารถเปิดประกวดราคาได้ในปี 2564 อาทิ รถไฟฟ้าสายสีม่วงด้านใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ มูลค่า 100,000 ล้านบาท โครงการรถไฟทางคู่ จำนวน 3 สาย ได้แก่ สายเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ สายบ้านไผ่ – นครพนม และสายขอนแก่น – หนองคาย รวมมูลค่ากว่า 150,000 ล้านบาท รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบางใน สปป.ลาว ที่ช.การช่าง ได้เข้าร่วมลงทุนซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้เร็วๆนี้ ซึ่งโครงการเหล่านี้จะช่วยเสริมมูลค่างานในมือ (Backlog) ขึ้นมาอย่างน้อย 150,000-200,000 ล้านบาทในปี 2564

สำหรับการลงทุนในธุรกิจสาธารณูปโภคพื้นฐานของ ช.การช่าง ได้แก่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) หลังจากได้ต่อสัมปทานทางด่วนอีก 15 ปี 8 เดือน จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน A B C ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการการแพร่ระบาดของ covid-19 ก็ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นและกลับมาเป็นปกติแล้ว และในวันเสาร์ที่ 14 พย. 2563 จะมีพิธีเปิดโครงการรถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) ส่วนต่อขยาย ณ สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย และสถานีรถไฟฟ้าหลักสอง

ในส่วนของบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW) ผู้ผลิตน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของภาคครัวเรือน ส่งผลให้ผลประกอบการยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี จ่ายปันผลได้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ นอกจากนี้ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (CKP) โรงไฟฟ้าทุกแห่งมีแนวโน้มที่จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ สามารถรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีและโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่ง ได้ครบอีกด้วย

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะนำ “ทยอยสะสม” CK ราคาเหมาะสมปี 2564 อยู่ที่ 26.70 บาท (SOTP) แม้ผลประกอบการไตรมาส 4/63 อาจไม่เด่นเท่าเนื่องจากไม่มีเงินปันผลรับจาก TTW เข้าช่วย และ Consensus คาด ผลประกอบการ CKP จะอ่อนตัวลง อย่างไรก็ดีมีประเด็นติดตามคือการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มต่อขยาย ที่ CK ร่วมกับ BEM ในการเข้าประมูล รอความชัดเจนในไตรมาส 1/64 ขณะเดียวกันมีงานที่อยู่ระหว่างรอความคืบหน้าคืองานเขื่อนหลวงพระบางที่ประเทศลาว วงเงินก่อสร้าง กว่า 1 แสนล้านบาท คาดมีความชัดเจน.ในระยะใกล้

ทั้งนี้ CK มีกำไรปกติ 554 ล้านบาท (+170%YoY+ 769%QoQ) ดีกว่าที่บล.หยวนต้าและตลาดคาดกว่า 50% สาเหตุจากกำไรจากเงินลงทุนที่เกิดจากผลประกอบการของ BEM และ CKP โดยรวมทำได้ดีกว่าที่ตลาดคาด อยู่ที่ 546 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าไตรมาส 2/63 ที่มีกำไรเพียง 45 ล้านบาท และ ในไตรมาส 3/62 ที่ 284 ล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจก่อสร้างมีรายได้รวมที่ 3.7 พันล้านบาท (-21%YoY,-4.4%QoQ) ระดับมาร์จิ้น ลดลงเป็น 7.7% เมื่อเทียบกับ รายไตรมาสและรายปีที่ระดับ 9% เนื่องจากเป็นช่วงท้ายของงานโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี และงานทางคู่ถนนจิระ-ขอนแก่น

นอกจากนี้มีบันทึกเงินปันผลรับจาก TTW 232 ล้านบาทและมีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุน 275 ล้านบาท