TOP พลิกกำไร 715 ลบ. Q3/63 ดีเกินคาด สต๊อกน้ำมันหนุน

HoonSmart.com>> “ไทยออยล์” กำไรสุทธิไตรมาส 3/63 จำนวน 715 ล้านบาท เติบโต 205% จากงวดปีก่อน กำไรสต๊อกน้ำมัน 2,986 ล้านบาท ด้านค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลด ส่วนงวด 9 เดือนขาดทุน 10,558 ล้านบาท เหตุขาดทุนสต๊อกน้ำมันและค่าเงินฉุดงบ

บริษัทไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2563 พลิกกำไรสุทธิ 715.29 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.35 บาท เพิ่มขึ้น 205% จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 682.61 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 0.33 บาท

ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2563 ขาดทุนสุทธิ 10,558.84 ล้านบาท ขาดทุนต่อหุ้น 5.18 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 4,292.61 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.10 บาท

ในงวดไตรมาส 3/2563 กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขายลดลง 25,104 ล้านบาท สาเหตุหลักจากราคาขายผลิตภัณฑ์และปริมาณการขายผลิตภัณฑ์รวมที่ปรับลดลง และมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 4.1 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เหตุผลหลักมาจากค่าการกลั่นที่ถูกกดดันอย่างหนักจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซิน น้ำมันอากาศยาน/น้ำมันก๊าด และน้ำมันดีเซลที่ปรับลดลงจากอุปสงค์ที่อ่อนตัวลงจากไวรัสโควิด-19

ขณะที่มีกำไรขั้นต้นจากกลุ่มอะโรเมติกส์เพิ่มขึ้นแม้ส่วนต่างราคาสารอะโรเมติกส์กับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับตัวลดลง แต่จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์พลอยได้เฉลี่ยกับน้ำมันเบนซิน 95 ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานและราคายางมะตอยเทียบกับน้ำมันเตาปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เมื่อรวมกำไรจากจากสต๊อกน้ำมัน 2,986 ล้านบาท เมื่อเทียบงวดปีก่อนขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 1,373 ล้านบาท

ประกอบกับโรงกลั่นไทยออยล์มีการกลับรายการมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำามันสำเร็จรูป 378 ล้านบาท เมื่อเทียบงวดปีก่อนมีรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป 352 ล้านบาท

นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกลุ่มไทยออยล์ในไตรมาส 3/2563 ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบงวดปีก่อน จากค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนในปีที่แล้ว ประกอบกับในปีนี้กลุ่มไทยออยล์มีการดำเนินกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการต้นทุนเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการในการบริหารงานระหว่างสถานการณ์โรค COVID-19 ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA เพิ่มขึ้น 2,874 ล้านบาท

ส่วนงวด 9 เดือน มีรายได้จากการขายลดลง 82,668 ล้านบาท สาเหตุหลักจากราคาขายผลิตภัณฑ์และปริมาณการขายผลิตภัณฑ์รวมที่ปรับลดลงจากผลกระทบของสงครามราคาน้ำมันและการระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 9,190 ล้านบาท เมื่อเทียบจากงวดปีก่อนกำไรสต๊อกน้ำมัน 963 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกลุ่มไทยออยล์ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน จากค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนในปีที่แล้ว ประกอบกับในปีนี้กลุ่มไทยออยล์มีการดำเนินกลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการต้นทุนเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการในการบริหารงานระหว่างสถานการณ์โรคโควิด-19 อีกทั้งมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 746 ล้านบาทจากค่าเงินบาทอ่อนเมื่อเทียบงวดปีก่อนกำไรอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,549 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 ของ TOP ดีกว่าโบรกฯ คาดการณ์ไว้ โดยบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) คาดมีกำไรสุทธิ 525 ล้านบาท บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดกำไรสุทธิ 542 ล้านบาทและบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) คาดมีกำไรสุทธฺ 569 ล้านบาท