“ดัชนีดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 143 จุด นักลงทุนคาดการณ์ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐเติบโต 24% สูงกว่าตลาดคาด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average) ปิดตลาดวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ 24,919.66 จุด เพิ่มขึ้น 143.07 จุด หรือ 0.58 % เป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ด้วยแรงหนุนจากการคาดการณ์ผลประกอบการในเชิงบวก หลังจากที่กว่า 86% ของบริษัทที่รายงานผลการดำเนินงานแล้วนั้นมีผลประกอบการดีกว่าคาดโดยเติบโต 24% สูงกว่า 20% ที่ตลาดคาดการณ์
มุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการดึงความสนใจนักลงทุนออกมาจากความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้า
หุ้นกลุ่มอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น 1.3%
หุ้นเปบซี่โคเพิ่มขึ้น 4.8% หลังจากประกาศผลการดำเนินงานดีเกินคาด และยังคงการประมาณการณ์ผลประกอบการทั้งปีที่ดีขึ้น เป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดของวันนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2009 หุ้นพร้อกเตอร์&แกมเบิล เพิ่มขึ้น 2.5% หุ้นโคคา-โคลา เพิ่มขึ้น 1.3%
ซิตี้ กรุ๊ป เจพี มอร์แกน เชส และเวลล์ ฟาร์โกจะประกาศผลการดำเนินงานรายไตรมาสภายในสัปดาห์นี้
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจากรายงานข่าวว่ากำลังการผลิตในนอรเวย์และลิเบียลดลง อย่างไรก็ตามการปรับตัวขึ้นของหุ้นได้ลดลงหลังจากรายงานข่าวว่าสหรัฐอาจจะพิจารณาผ่อนคลายการคว่ำบาตรอิหร่าน
หุ้นเอ็กซอนโมบิล และหุ้นเชฟรอนต่างเพิ่มขึ้น 1%
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,793.84 จุด เพิ่มขึ้น 9.67 จุด, +0.35%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,759.20 จุด เพิ่มขึ้น 3.00 จุด, +0.04%
ทางด้านตลาดยุโรปปิดบวก นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อผลประกอบการที่บริษัททะยอยประกาศต่อเนื่อง ขณะที่เงินปอนด์ชะลอการอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเงินดอลลาร์หลังจากการลาออกของรัฐมนตรีต่างประเทศและเลขาธิการ Brexit อย่างไรก็ตามตลาดยังกังวลต่อสถานการณ์การเมืองในอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,692.04 จุด เพิ่มขึ้น 4.05 จุด,+0.05%
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 386.25 จุด เพิ่มขึ้น 1.66 จุด, +0.43%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5434.36 จุด เพิ่มขึ้น 36.25 จุด, +0.67%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,609.85 จุด เพิ่มขึ้น 65.96 จุด, +0.53%