BH กำไร Q3/63 วูบ 79% ล็อกดาวน์ฉุด-เทียบไตรมาส 2 ฟื้นตัวแรง

HoonSmart.com>> “รพ.บำรุงราษฎร์” ไตรมาส 3/63 กำไรสุทธิ 221 ล้านบาท วูบ 79% จากงวดปีก่อน รายได้รวมลดลง “ล็อกดาวน์” จำกัดการเดินทางและท่องเที่ยวเชิงแพทย์กระทบกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ชี้หลังผ่อนคลายมาตรการปิดประเทศหนุนกำไรทะยาน 399% จากไตรมาส 2/2563

บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2563 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2563 กำไรสุทธิ 221.52 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.28 บาท ลดลง 79% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,055.49 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.45 บาท เทียบกับไตรมาส 2/63 โตก้าวกระโดด 399 %

ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2563 กำไรสุทธิ 1,031.15 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.33 บาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 2,861.87 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.93 บาท

บริษัทฯ มีรายได้รวมไตรมาส 3/2563 อยู่ที่่ 2,948 ล้านบาท ลดลง 38.6% จาก 4,801 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน อัตรากำไขั้นต้นสุทธิ 7.5% ลดลงจากงวดปีก่อนอยู่ที่ 22% แม้จะมีการเติบโตในธุรกิจของกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติที่พำนักในไทย แต่ข้อจำกัดที่มีอย่างต่อเนื่องในการเดินทางและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ก็ยังส่งผลกระทบต่อกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติของบริษัท

บริษัทมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลจํานวน 2,887 ล้านบาท ลดลง 38.9% จาก 4,725 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2562 โดยหลักเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างประเทศ 59.9% หักกลบกับการเพิ่มขึ้นจากรายได้กลุ่มผู้ป่วยชาวไทย 3.4% เป็นผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 56.1% จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกล่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น 43.9% ในไตรมาส 3 ปี 2563 เทียบกับ 33.1% และ 66.9% ตามลำดับในไตรมาส 3/2562

ด้านต้นทุนกิจการโรงพยาบาล (รวมค่าเสื่อมราคาและตัดจําหน่าย) จํานวน 1,859 ล้านบาท ลดลง 27.6% จาก 2,567 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2562 ค่าใช้จ่ายในการขายลดลง 4.6% เหลือ 757 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามผลประกอบการของไตรมาส 3 ปี/2563 ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากไตรมาส 2/2563 เป็นผลส่วนใหญ่จากการผ่อนคลายมาตรการปิดประเทศของไทยและประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้าของบริษัท ส่งผลให้มีการเติบโตในธุรกิจของกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่าชาติที่พำนักในไทย ทำให้รายได้รวมในงวดดังกล่าวเพิ่มขึ้น 18.5% จากไตรมาส 2/2563 และกําไรสุทธิเพิ่มขึ้น 398.6% จากไตรมาส 2/2563

บริษัทมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น 19.2% จากไตรมาส 2/2563 โดยหลักเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยและกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างประเทศ 29.1% และ 8.6% ตามลำดับ เป็นผลให้รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วน 56.1% จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากกลุ่มผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น 43.9% ในไตรมาส 3 ปี 2563 เทียบกับ 51.8% และ 48.2% ตามลําดับในไตรมาส 2/2562

ด้านกำไรก่อนหักภาษีดอกเบี้ยค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของบริษัทลดลง 66.1% เป็น 533 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2563 จาก 1,574 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อนและอัตรากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย (EBITDA Margin) คิดเป็น 18.3% ในไตรมาส 3 ปี 2563 เทียบกับ 33.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน