HoonSmart.com>>บริษัทจดทะเบียนเหนื่อย! หลายบริษัทกำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง กระแสเงินสดขาดมือ จะออกหุ้นกู้ หรือจะขอกู้เงินแบงก์ ก็ต้องเพิ่มส่วนของทุนก่อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายในการเพิ่มทุนเวลานี้ จะต้องหาทางหนีทีไล่ดีๆ ขนาดบริษัทขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ที่มีชื่อเสียง ยังขายหุ้นยากเลย เห็นได้จาก “วิกรม กรมดิษฐ์” ต้องควักเงินซื้อหุ้นเกินสิทธิ เพื่อให้บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน (AMATA) เพิ่มทุนสำเร็จ มิหนำซ้ำภาวะตลาดยังกดดันราคาหุ้นทั่วทั้งกระดาน ทำให้หุ้นเพิ่มทุนยังแพงกว่าที่ซื้อจากตลาดเสียอีก อย่างนี้ ผู้ถือหุ้นคงจะต้องคิดหนัก หากบริษัทไม่ดีจริง หรือราคาเพิ่มทุนไม่น่าสนใจ ถูกเท แน่ๆ
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังทำมาค้าขายลำบาก ในช่วงเศรษฐกิจหดตัวจากพิษโควิด-19 ต้องใช้เวลานานเป็นปีๆ กว่าจะฟื้นตัว โดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งพากำลังซื้อจากต่างประเทศ จากนักท่องเที่ยวจะยิ่งฝืดเคืองกว่า สิ่งสำคัญที่จะทำให้กิจการเดินหน้าต่อไปได้ จะต้องเตรียมกระสุนให้พร้อม คาดว่าจะเห็นการเพิ่มทุนออกมาอีกหลายบริษัท
สำหรับบริษัทที่กำลังดำเนินการขายหุ้นก็คงต้องลุ้นจนตัวโก่งว่าจะขายได้แค่ไหน ถ้าหากถูกเมินแล้วจะหาเงินจากที่ไหนมาทดแทน เพราะเห็นหนังตัวอย่างจาก บริษัท AMATA แล้วใจฝ่อ ต้องการขายจำนวน 83 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 11.80 บาท ต่ำกว่าราคาในตลาดที่ซื้อขายสูงกว่า 12 บาท ผู้ถือหุ้นยังเมินเลย
ล่าสุด “วิกรม” รายงานก.ล.ต.ว่า เดิมถือหุ้น AMATA ทั้งหมด 260.35 ล้านหุ้น สัดส่วน 24.40% และได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนเกินสิทธิจำนวน 31.61 ล้านหุ้น หรือ 2.748% ทำให้มีหุ้นทั้งสิ้น 291.95 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.387% เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2563
ทั้งนี้ การถือหุ้นเกินเกณฑ์ 25% ของทุนเรียกชำระแล้ว จะต้องจัดทำเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นทั่วไป หรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์ แต่ “วิกรม” ไม่ต้องตั๊งโต๊ะรับซื้อ เพราะคณะกรรมการบริษัทฯคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงได้เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นขอผ่อนผันเทนเดอร์ฯ เตรียมไว้ เพื่อให้การเพิ่มทุนสำเร็จ ได้เงินมาสุทธิ 975 ล้านบาท สำหรับนำไปพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอมตะย่างกุ้ง ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เฟสแรกประมาณ 506 ไร่ ต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 1,287 ล้านบาท ภายในปี 2564
หุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ เตรียมจะเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 26 ต.ค.นี้ แต่ผู้ถือหุ้นคงไม่รีบขาย เพราะมีต้นทุน 11.80 บาท สูงกว่าราคาปิดที่ระดับ 11.60 บาท ณ วันที่ 22 ต.ค.2563
ในช่วงนี้มีบริษัทอย่างน้อย 2 แห่งที่กำลังดำเนินการเพิ่มทุน คือ บริษัท ไดเมท(สยาม) หรือ DIMET และ บริษัท บีซีพีจี (BCPG)
ไดเมทฯ น่าเป็นห่วง บริษัทถึงกับเชิญชวนผู้ถือหุ้นจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 1,076.75 ล้านหุ้น สัดส่วน 1 ต่อ 2 ในราคาหุ้นละ 0.10 บาท แถมใบสำคัญแสดงสิทธิซื้อหุ้น(วอร์แรนต์) จำนวน 806 ล้านหน่วย อัตรา 1.335 หุ้นเพิ่มทุนต่อ 1 วอแรนต์ ครั้งที่ 4 (DIMET-W4) กำหนดจองซื้อวันที่ 22-29 ต.ค. 2563 ราคาหุ้นไหลลงมาจาก 0.15 บาท มาอยู่ที่ 0.11 บาท ใกล้เคียงกับราคาเพิ่มทุน
ส่วน BCPG ยังต้องลุ้น เพราะราคาในตลาดไม่ทิ้งห่างจากเพิ่มทุนที่ 11.50 บาทมากนัก
บริษัทเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 250 ล้านหุ้น สูตร 8 ต่อ 1 แถมวอร์แรนต์ 2.80 ต่อ 1 กำหนดชำระเงิน 3-9 พ.ย. 2563
นอกจากนี้ยังจัดสรรหุ้น 674.50 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง(พีพี) อีก 3 ราย จำนวน 5.93% 5.93% และ 8.57% ในราคาหุ้นละ 11.50 บาทเช่นเดียวกัน
เชื่อว่า BCPG จะประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุน เพราะมีเจ้าภาพชัดเจนคือ บริษัทบางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ถือหุ้นมากที่สุดถึง ถือหุ้น 70.04% สามารถใส่เงินในบริษัทลูกได้เต็มที่
แต่ที่น่าห่วงมากกว่าคือบริษัทที่กำลังวางแผนการเพิ่มทุน ในภาวะตลาดเปิดไม่เต็มที่ คงจะต้องลดราคาขายสุดๆ หรือเสนอสูตรที่จูงใจมากๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปก่อน น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด