HoonSmart.com>> “เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น” เคาะราคาขายหุ้นไอพีโอ 0.88 บาทต่อหุ้น เปิดจอง 29 ก.ย-1 ต.ค.นี้ เข้าเทรด 7 ต.ค.63 ชูราคาเหมาะสม P/E 14 เท่า ต่ำกว่าผู้ประกอบธุรกิจคล้ายกัน มั่นใจกระแสตอบรับดี ธุรกิจโตต่อเนื่อง พร้อมแผนขยายสาขาเพิ่ม จากเงินระดมทุน และใช้คืนเงินกู้ หวังลด D/E เหลือ 1 เท่า
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจและด้านตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) ที่ปรึกษาทางการเงินและในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นของ บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้น ให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในราคาหุ้นละ 0.88 บาท จำนวน 69 ล้านหุ้น มูลค่าการระดมทุนประมาณ 60.72 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 14.02 เท่า ซึ่งเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท โดยจะเปิดจองให้ซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 29 ก.ย.- 1 ต.ค.นี้ คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 7 ต.ค.2563
นอกจากนี้ได้จัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวน 10.35 ล้านหุ้น เพื่อรองรับปริมาณความต้องการของนักลงทุน โดยยืมหุ้นจากผู้ถือหุ้นเเดิม ขายในราคาเดียวกันกับราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชน ทั้งนี้มีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 2 แห่ง ประกอบด้วย บล.คันทรี่ กรุ๊ป และ บล.โกลเบล็ก
“การกำหนดราคาไอพีโอที่ 0.88 บาทต่อหุ้นนั้น ถือเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ค่า P/E ที่ 14 เท่า มีส่วนลดให้แก่นักลงทุน เมื่อเทียบกับ บริษัท ธนพิริยะ (TNP) ที่ประกอบธุรกิจคล้ายกันทางภาคเหนือ ที่มี P/E ที่ประมาณ 20 เท่า ซึ่ง KK มีจุดแข็งตรงที่เป็น Modern-Traditional Trade และมีสาขา 28 บนทำเลที่ดี ครอบคลุมจังหวัดสงขลา พัทลุง สตูล เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายสามารถสร้างรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง ในอนาคตธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตจากมาตรการภาครัฐและการกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในพื้นที่ จากการโรดโชว์ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีอย่างล้นหลาม ทำให้มันใจได้ว่าหุ้น KK จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน และจะสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจแก่นักลงทุนด้วย” นายรัฐชัย กล่าว
ด้านนายกวิศพงษ์ สิริธนนนท์สกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคแอนด์เค ซุปเปอร์สโตร์ เซาท์เทิร์น (KK) เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินระดมทุนในครั้งนี้ไปใช้ในการขยายสาขาประมาณ 3-4 สาขาต่อปี ในพื้นที่จังหวัด สงขลา พัทลุง สตูล และจังหวัดอื่นๆ ในภาคใต้ และนำเงินไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน เพื่อลดอัตราส่วนหนี้ต่อทุนจากปัจจุบันที่ 2.61 เท่า คาดว่าจะสามารถลดได้เหลือประมาณ 1 เท่า รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัท
“บริษัทมั่นใจว่าธุรกิจในอนาคตของ KK จะสามารถสร้างการเติบโตได้อีกมาก จากเงินทุนหมุนเวียนที่มีมากขึ้น ซึ่งจะทำให้บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และได้รับการยอมรับในฐานะที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ที่สำคัญสามารถสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือได้อย่างยั่งยืนในอนาคต โดยมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะของกิจการ ภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรอง” นายกวิศพงษ์ กล่าว
อ่านข่าว
