หุ้นไทยวิ่งตามโลกรับวัคซีน เตือนอย่าไล่ซื้อ ปัจจัยลบรออยู่

HoonSmart.com>> หุ้นพุ่ง 17.85 จุด ตามตลาดต่างประเทศ เก็งกำไรรับวัคซีนสหรัฐคืบหน้า แนะหุ้นได้ดี บล.กสิกรไทย ชู AAV-BAFS ราคาขึ้นช้ากว่าตลาด บล.เมย์แบงก์ฯ เสนอ MINT ,CENTEL, AOT ส่วน CRC-CBG-BBL (NVDR) เข้าคำนวณ FTSE   ส่งออกเดือนก.ค.หดตัว -11.4% นักวิเคราะห์ให้ติดตามการประชุมเฟดประจำปี 27-28 ส.ค. การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐกดดันตลาดอีกหลายเดือน นักวิเคราะห์ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้-ปีหน้า

วันที่ 24 ส.ค.2563 ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นแรงในภาคบ่าย ดัชนีปิดที่ 1,317.11 จุด +17.85 จุด หรือ +1.37% มูลค่าการซื้อขาย 57,078.23 ล้านบาท โดยมีแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ กลุ่มพลังงาน และหุ้นท่องเที่ยว การบิน แต่ขายหุ้น STGT ทุบราคาหุ้นดิ่งลงไปปิดที่ 75 บาท -3.75% หรือ 4.76%

ด้านนักลงทุนไทยถือโอกาสขายทำกำไร 2,122 ล้านบาท ต่างชาติขายเล็กน้อย 126 ล้านบาท ส่วนสถาบันซื้อ1,517 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 732 ล้านบาท

นายสุนทร ทองทิพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ได้อนุมัติให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกันในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้แล้ว พลาสมาเหล่านี้คือน้ำเลือดที่บริจาคโดยผู้ที่ได้รับการรักษาโรคโควิด-19 จนหายดีแล้ว ซึ่งมองว่าเป็นข่าวดีที่ตลาดหุ้นตอบรับ แต่ยังไม่เป็นปัจจัยบวกระยะยาว ทั้งนี้หากจีนสามารถผลิตวัคซีนได้ ประเทศไทยจะเป็นรายแรกที่ได้ใช้ คาดว่าเดือน ก.ย. หรือ ต.ค. 63 จะเห็นภาพที่ชัดเจน

“คาดดัชนีจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,330 จุด เลือกหุ้นได้รับอานิสงส์วัคซีน กลุ่มท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม สนามบิน และสายการบิน ส่วนหุ้นในกลุ่มที่ปรับขึ้นช้ากว่าตลาดให้เลือก AAV และ BAFS” นายสุนทร กล่าว

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นตอบรับข่าวพลาสมา แต่ยังไม่ใช่ปัจจัยที่หนุน แนะนำหุ้นเด่นได้ประโยชน์เกี่ยวกับวัคซีน โดยวางกลยุทธ์ลงทุนในระยะกลางถึงยาว ให้ MINT ,CENTEL และ AOT ประเมินแนวรับที่ 1,280 จุด เป็นจุดที่ทยอยเข้าสะสม

บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า เปิดเผยว่า ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้า ตลาดหุ้นยุโรปเร่งตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองบวกมากขึ้นต่อความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีน หลังคาดว่าสหรัฐฯ จะลดขั้นตอนต่างๆด้านกฎระเบียบเพื่อเร่งการพัฒนาวัคซีนโควิด-19

อย่างไรก็ตามตลาดยังติดตามการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็คสัน โฮล วันที่ 27-28 ส.ค.นี้

ด้านปัจจัยพื้นฐาน กระทรวงพาณิชย์ แถลงตัวเลขส่งออกเดือน ก.ค.63 มีมูลค่า 18,819.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หดตัว -11.4% ดีกว่าตลาดคาดว่าจะหดตัว -15 ถึง -19.5% แม้ว่ายังหดตัวต่อเนื่อง แต่ในภาค Real Sector เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวที่ดีขึ้น ขณะที่บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทยปรับลดคาดการณ์ปีนี้หดตัว -12% จากเดิมคาด-6.1% ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลก

นักวิเคราะห์ คาดว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจะกดดันการลงทุนต่อไป ทั้งนี้ นายโจ ไบเดน ตัวแทนพรรคเดโมแครตที่จะเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยว่า พร้อมชัตดาวน์เศรษฐกิจ เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถ้าหากนักวิทยาศาสตร์แนะนำ

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า FTSE ประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่แล้ว  และจะมีการปรับน้ำหนักในวันที่ 18 กย นี้  โดยหุ้นที่เข้า FTSE All World Index(Large + Mid Cap)  ได้แก่ CRC คาดเม็ดเงินลงทุนเพิ่มขึ้น  90.5 ล้านเหรียญฯ, BBL(NVDR )คาดเม็ดเงิน 76 ล้านเหรียญฯ และ CBG คาด 32 ล้านเหรียญฯ  ลดน้ำหนัก PTT, CPALL, SCC, AOT, ADVANC, BDMS, SCB, GULF, PTTEP เฉลี่ย 11 ล้านเหรียญฯ ถึง 3 ล้านเหรียญฯต่อบริษัท