HoonSmart.com>>อาร์เอส กรุ๊ป ประกาศรีแบรนด์องค์กรอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นการปรับองค์กรครั้งใหญ่ที่สุดผ่านอัตลักษณ์และวิถีใหม่ ภายใต้อุดมการณ์ Passion to Win พร้อมเปิดเส้นทางแห่งความสำเร็จในการทรานส์ฟอร์มธุรกิจจากสื่อและบันเทิงสู่ธุรกิจพาณิชย์ ในงาน “RS GROUP Open House 2020”
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า “ปี 2563 หรือ 2020 เป็นอีกหนึ่งปีที่สำคัญมาก เพราะเป็นปีแห่งการเริ่มต้นของ อาร์เอส กรุ๊ป ยุคใหม่ ถึงเวลาแล้วที่ อาร์เอส จะประกาศรีแบรนด์องค์กรอย่างเป็นทางการ เพื่อสื่อสารภาพลักษณ์ใหม่ และส่งต่อพันธกิจใหม่ของเราไปสู่ผู้คน ไม่เพียงแต่เปลี่ยน โลโก้เท่านั้น เรายังปรับโครงสร้างองค์กร โดยใช้แนวคิดการทำงานแบบ Agile มุ่งทำงานเป็นทีม ลดโครงสร้างและขั้นตอนที่ยุ่งยาก เพื่อให้การทำงานรวดเร็วขึ้นและสื่อสารกันได้โดยตรง ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือ สร้างแรงบันดาลใจ เติมเต็มชีวิตผู้คนด้วยความบันเทิง สินค้า และบริการที่สร้างสรรค์และมีคุณค่า โดยทุกคนใน อาร์เอส กรุ๊ป ต้องมีค่านิยม 4 ประการ ฝังอยู่ในดีเอ็นเอ ได้แก่ แรงบันดาลใจ แรงผลักดัน ใฝ่เรียนใฝ่รู้ และ แน่วแน่ที่เป้าหมาย ภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce ซึ่งเป็นการดึงศักยภาพ ความเชี่ยวชาญจากธุรกิจสื่อและธุรกิจบันเทิงในมือออกมาใช้ให้มากที่สุด สร้างคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์และน่าสนใจ เพื่อเปลี่ยนผู้ชมและผู้ฟังเป็นผู้ซื้อ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการ Synergy กันระหว่างกลุ่มธุรกิจในเครือ ที่สามารถควบคุมและบริหารงานได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ”
ปัจจุบัน อาร์เอส กรุ๊ป แบ่งกลุ่มธุรกิจ ออกเป็น ธุรกิจคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย อาร์เอส มอลล์ ซึ่งได้ดำเนินธุรกิจเข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว และ บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด ธุรกิจสื่อและบันเทิง ประกอบด้วย สถานีโทรทัศน์ช่อง 8, คูลลิซึ่ม และ อาร์เอส มิวสิค
นางพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ กล่าวว่า “อาร์เอส มอลล์ เกิดจากการที่ อาร์เอส กรุ๊ป เลือกใช้เวลาโฆษณาครึ่งหนึ่งที่มีอยู่มาสร้างธุรกิจใหม่ที่มีสายตาของคนดูเป็นต้นทุน ดังนั้น อาร์เอส มอลล์ คือ การผนวกการช้อปปิ้งเข้ากับความบันเทิง โดยมีทีมงาน คอลเซ็นเตอร์คอยตอบปัญหาและให้คำปรึกษาเรื่องสินค้าตลอด 24 ชั่วโมง อาร์เอส มอลล์ เป็นธุรกิจที่ไม่มีหน้าร้าน แต่อยู่ทุกที่ที่สะดวกสำหรับลูกค้า ลูกค้าสามารถพบเจอเราได้ทางช่องดิจิทัลทีวีต่างๆ เทเลเซลล์ และบนช่องทางออนไลน์ ทั้งทางเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน”
ดร.ชาคริต พิชญางกูร หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจไลฟ์สตาร์ เผยว่า “ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ยอดขายบนแพลตฟอร์มของอาร์เอส มอลล์ มาจากสินค้าของไลฟ์สตาร์ สูงถึง 60% และมีโปรดักส์แชมป์เปี้ยนที่ทำยอดขายสูงสุด 3 ผลิตภัณฑ์ได้แก่ S.O.M. Cordy Tibet & Bhutan, S.O.M. I-Kare และ S.O.M. CMAX ซึ่งแผนธุรกิจของไลฟ์สตาร์ ในครึ่งปีหลังนี้ก้าวไปไกลกว่าการขายผ่านช่องทางของ อาร์เอส มอลล์ โดยจะขยายไปสู่จุดขายต่างๆ ที่เพิ่มมากขึ้น
ด้านธุรกิจสื่อและบันเทิง สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ดิจิทัลทีวี ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ เก้าอี้ 4 ขา กระจายรายได้มาจาก 4 ช่องทาง ซึ่งได้แก่ มีเดียสปอนเซอร์ 40% การจัดอีเวนท์ 10% การขายลิขสิทธิ์ 15% และ Entertainmerce 35%
นางสาวนงลักษณ์ งามโรจน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 กล่าวว่า “ในครึ่งปีหลัง ช่อง 8 พร้อมจัดเต็มความบันเทิง เพื่อธุรกิจพาณิชย์ กับรายการ “นายจ๋าทาสมาแล้ว” ที่จะช่วยสนับสนุนผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ บริษัท ไลฟ์สตาร์ ผลิตขึ้น และรายการ “ราคาพารวย” ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นำเวลาไพร์มไทม์ของช่องมาทำรายการเพื่อสนับสนุนโมเดลธุรกิจ Entertainmerce และเป็นครั้งแรกในการซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศมาประยุกต์ใช้เพื่อเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นผู้ซื้อสินค้า”
นายปริญญ์ หมื่นสุกแสง หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจวิทยุคูลลิซึ่ม กล่าวว่า “COOLfahrenheit เป็นสถานีเพลงอันดับหนึ่ง มาเกือบ 2 ทศวรรษ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ฟังเติบโตมาตลอด ขณะนี้เราเดินหน้ากลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย เพื่อขยายรายได้หลักออกเป็น 3 ทาง ลดการพึ่งพารายได้ช่องทางใดช่องทางหนึ่งมากเกินไป ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจ โดยเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์นี้จะสามารถสร้างการเติบโตครั้งใหม่แบบก้าวกระโดด หวังเป็น นิว เอส เคิร์ฟ ในรอบ 15 ปีของคูลลิซึ่ม”
สัดส่วนรายได้จากกลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย เป็นดังนี้ Coolfahrenheit สัดส่วนรายได้ 40% ด้วยจำนวนเรตติ้งและคนฟังคลื่นคูลฟาเรนไฮต์ที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง, COOLive สัดส่วนรายได้ 30% ด้วยการยกระดับการทำงานด้านคอนเสิร์ตและอีเวนท์ โดยในปี 64 เตรียมจัดงานทั้งหมด 10 งาน ที่มีทั้งศิลปินชั้นนำระดับประเทศและต่างประเทศ
COOLanything สัดส่วนรายได้ 30% เป็นส่วนหนึ่งของโมเดล Entertainmerce ที่เปลี่ยนผู้ฟังให้เป็นลูกค้า สร้างประสบการณ์ที่ดีในการช้อปปิ้ง ผ่าน แอปพลิเคชันคูลลิซึ่ม ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘ฟังเพลงได้ ช้อปเพลิน ในแอปเดียว’
นายสุกฤช สุขสกุลวัฒน์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจเพลง อาร์เอส มิวสิค (RS Music) กล่าวว่า “ความท้าทายครั้งสำคัญของธุรกิจเพลง คือ การปรับตัวเพื่อสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ที่แตกต่าง เพลงเป็นแค่เครื่องมือหนึ่ง แต่สิ่งที่จะสร้างและต่อยอดธุรกิจได้คือ สตาร์ ที่มีตัวตน มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน และมีฐานแฟนคลับ ซึ่งทั้งหมดจะถูกเชื่อมโยงกับโมเดลธุรกิจใหม่ ‘Music Star Commerce’ จากการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ศิลปิน และสอดคล้องกับธุรกิจของอาร์เอส กรุ๊ป”
นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคม 2563 นี้พบกับศิลปินใหม่ ผ่าน 3 ค่ายเพลง ได้แก่ Rsiam, Kamikaze, Rose Sound ซึ่งการมาของ อาร์เอส มิวสิค ในครั้งนี้ จะสร้างปรากฏการณ์ให้วงการเพลงของไทยอีกครั้ง และเป็นก้าวใหม่ที่ท้าทายของ อาร์เอส มิวสิค ด้วย